Register LOGIN Forget password ?
Webboard :: Travel :: 00008460
PAGE 1 OF 7
GO TO PAGE
คู่แสบ(วาร) KSR กับ ป้าเขียวโคซ่า ตะลุยลาวพันโล
เรื่องมันเริ่มมาจากคำพูดเพียงไม่กี่คำ อยู่ดีๆก็ลุกลามไปใหญ่โต

วันดีคืนดีผมเกิดคุยกะตาหนำ(BURN!) เรื่องการขี่รถแนววิบากๆ ไปๆมาๆทำไมมันมาออกเป็นว่าไปลาวได้หว่า??? ทั้งๆที่ต้นเรื่องมันไม่ได้มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับทริปนี้เลยซักกะจิ๊ดเดียว...(ซึ่งผมเองก็ยังงงๆ)

บางทีหลายๆอย่างอาจจะไม่ได้เกิดขึ้น ถ้าจังหวะและความพอดีมันไม่บังเกิด

แต่ก่อนที่จะเป็นเรื่องนี้ขึ้นมาได้ อุปสรรคก็เยอะเหลือเกิน เกือบๆจะถอดใจกันแล้ว ก่อนหน้าที่จะได้ไป คุณแม่ผมเกิดไม่สบายมากกระทันหัน ตาหนำที่ตอนแรกกะว่าจะสุย KSR ไปด้วยกัน 3คัน ก็ดันผิดพลาดทางเทคนิค เลยไม่มีรถที่จะไปซะงั้น และนังบอล(Ball HG.)ก็อุปสรรคมากมาย
หวุดหวิดจะทริปล่ม แต่สุดท้ายมันก็ได้ไปกันจนได้แฮะ...

ปล.การบรรยายภาพ อาจจะมีส่วนร่วมบรรยาย ทั้งสามคนที่ร่วมหัวจมท้ายในงานนี้ ซึ่งอาจจะใช้เวลาซักนิดนะครับ บางเรื่องผมเองก็ไม่แม่น ต่างคนต่างมุมมอง ^_^
Share |
Ninja    time: 2009-05-07 06:56:35   แจ้งลบกระทู้

ความเห็นที่ #1
ไม่ว่าจะยังงัยก็เหอะ สุดท้ายก็ได้มากันอยู่ดี ในวันที่จะเริ่มต้น สองสิงห์เค้าไปเริ่มต้นกันที่ "สปีคเกอร์เฮด"(=หัวลำโพง(มุกควาย 555+))


*ส่วนตัวผมน่ะ ไปนอนยิ้มแป้นรออยู่ที่ พิษณุโลก แล้วจ้า...

เห็นพี่แกสองคนบอกว่า รถไฟออกตอนสองทุ่ม สี่ห้าทุ่มแล้ว ผมโทรไปหาว่าอยู่ไหนกันแล้วครับ??? กะว่าได้ยินคำตอบที่ชื่นใจ...

ผลออกมา(เสียงตาหนำ) - พวกผมยังอยู่ที่รังสิตอยู่เลยคุณ เนี่ยตอนนี้วิ่งผ่านดอนเมืองพอดี ปู๊นนน...(เสียงหวูดรถไฟแทรกมาพอดี ฟังดูน่าเจ็บใจมั๊ยอ่ะ)

เฮ๊ยยย...!!! นี่มันรถไฟหรือปลาหมอ(วะ) วิ่งมาหรือแถกมาเนี่ยเพ่ โห... กะว่ามาน่าจะซัก"คอนหวัน"แล้วนะเนี่ย...
Ninja  2009-05-04 11:31:53      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #2
ตาหนำงานนี้แก "ใจป้ำ"มากๆ เดิมทีว่าจะสุยมากันด้วย KSR ทั้งสามคัน แต่ดันผิดพลาดทางเทคนิคนิดหน่อย เอาไงดีล่ะทีนี้? แต่ในที่สุด หวยมาออกเอาที่รถที่ไม่น่าจะดูเกี่ยวกับเส้นทางแบบที่จะไปเท่าไหร่ ทุ่มทุนสร้างกันไปเรยยย...

"ป้าเขียว Piaggio Cosa" ซึ่งนอนซิงๆ(จนแก่)อยู่ในสต๊อคมากว่า 18ปี!!!

*ถ้าเป็นบางอย่างล่ะก็ บอกว่า อายุ 18เนี่ย ถึงกะตาลุกกันเลย... แต่นี่มันรถอายุกว่า 18ปีเลยนะพี่ค๊าบบบ... ปลุกป้ามาวิ่งแท้ๆ...(แต่สภาพปิ๊งมากกก)

Ninja  2009-05-01 10:48:11      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #3
*การนำรถมอเตอร์ไซค์ขึ้นรถไฟโดยสาร*

เริ่มต้นเลยจากด้านข้างหัวลำโพงที่คนเยอะๆอะนะ หันหน้าเราเข้าหัวลำโพง เราจะเจอเป็นตู้เคาน์เตอร์เหมือนในรูปเนี่ยแหล่ะ ให้เข็น ย้ำนะครับว่าเข็น ไปที่ตู้นี้เลยแล้วยื่น ตั๋วรถไฟ บัตรประชาชน และ เล่มทะเบียนรถให้เจ้าหน้าที่ เค้าจะทำเอกสารให้สักครู่แล้วก็เรียกเก็บตังเราตรงนั้นเลย

เรื่องของการนำรถขึ้นรถไฟ การรถไฟเค้าจะแบ่งค่าใช้จ่ายรถเป็นแค่ 2 ประเภท คือ ต่ำกว่า 125 cc และ มากกว่า 125 cc ซึ่งราคาจะต่างกันอยู่ประมาณ สองร้อยบาท (จากที่ลองๆดูจากทั้งขาไปและขากลับอะนะครับ) เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะ 50 cc หรือ จะ 1800 cc มันก็แบ่งกันแค่นี้อยู่ดี

การคิดราคาทางการรถไฟเค้าจะคำนวณจาก ระยะทาง น้ำหนักรถ(ไม่รู้ไปชั่งกันตอนไหน) ซ๊ซ๊ (จากที่กล่าวไปข้างต้น) ตัวแปรอื่นๆอีกนิดหน่อยซึ่งอ่านจากป้ายแล้วไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ และที่สำคัญเค้าจะคิดค่ายกรถขึ้นรถไฟไปด้วยเลย แต่ที่หัวลำโพงเนี่ยเราจะโดนขอชาร์จเพิ่มจากตรงเคาน์เตอร์นั้นแหล่ะอีก 40 บาทเป็นนอกรอบให้กับคนยกนะครับ (ไม่รู้คนอื่นเสียกันรึเปล่า) เสร็จตรงนี้แล้ว จ่ายตังเรียบร้อย เจ้าหน้าที่จะให้กระดาษใบนึงมาให้เราไปแปะที่รถ....แค่นั้นเสร็จ เราจะไปไหนก็ไป เดี๋ยวเค้าจะจัดการให้เอง
อ่อ!....ลืมไปอย่าง พวกสัมภาระที่ติดรถทั้งหลายต้องนำออกมานะครับ เค้ารับแต่รถเปล่าๆเลย

ส่วนการยกรถลงนั้น พอเราลงรถไฟเสร็จก็เดินไปที่ตู้ระวาง แล้วเดี๋ยวจะมีคนยกลงมาให้ ส่วนจะเรียกเก็บตังมั้ยอันนี้แล้วแต่ดวงนะครับ ถ้าโดนก็ให้ไปสิบยี่สิบพอแล้ว ไม่ต้องให้เยอะ (ผมให้ไปยี่สิบ) พอได้รถเรียบร้อยก็ต้องเข็น เหมือนเดิมออกนอกสถานีไป

สรุปแล้วสิ่งที่ต้องเตรียมคือ
-บัตรประชาชน
-เล่มทะเบียนรถ
-ตั๋วรถไฟ
-เงิน (เผื่อไว้เป็นค่ายกรถขึ้นยกลงซักสี่สิบ ห้าสิบ ถ้าเผื่อมันเรียกแล้วไม่อยากวุ่นวายนะครับ)

*สิ่งควรระวังแต่ควบคุมได้คือ รถท่านอาจเป็นรอยหรือเสียหายได้ในขณะยกขึ้นยกลงเพราะบางทีพวกก็ยกมันขึ้นไปดื้อๆอย่างนั้นแหละ ไม่มีไม้พ่งไม้พาดแล้วเข็นหรอก ยังไงถ้ามีโอกาสก็ไปดูตอนเค้ายกกันหน่อยละกันนะครับ (Ball HG.)
********************

สำหรับการเอารถขนขึ้นรถไฟ ให้ไปที่สถานีรถไฟก่อนเวลารถออกประมาณ 1ชม.เป็นอย่างน้อย จะมีเคาน์เตอร์ รับฝากสัมภาระ ถ้าเป็นที่หัวลำโพง ในคห.#2 จะมีป้าย ที่ชั่งสัมภาระ ติดต่อเจ้าหน้าที่ที่นั่งอยู่ในตู้ได้เลย เอกสารต้องเตรียมบัตรประชาชนและเล่มทะเบียนตัวจริงไปด้วย ค่าบริการมี2ราคา ต่ำกว่า 150 CC.(KSR110)ประมาณ 700 บาท ป้าเขียว เจอไป เกือบ 1 พันบาท เพราะแกดันจุตั้ง 150 CC. เสียเท่าCB1300เลยนะน่ะ กรรม
(หนำ/BURN!)
Ninja  2009-05-13 08:54:05      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #4
สองหน่อยังหน้าระรื่นกันดีอยู่เพราะยังไม่รู้ซึ้งถึงสัจธรรมบางอย่างเกี่ยวกับ ชีวิตหลังความตาย การทรมาณ และชาติภพข้างหน้าที่ ไม่ต้องรอนาน สามารถเจอได้อย่างง่ายดายด้วยมูลค่าเพียงไม่กี่บาท 555+

*หลพ. ท่าทางว่าคนจะเยอะมาก เพราะเป็นช่วงวันหยุดยาวพอดี
Ninja  2009-05-01 10:53:03      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #5
ด้วยความชันระดับ 90องศา ของพนักพิง รวมทั้งการเบียดเสียดเยียดยัด และ ฯลฯ

รฟท. ทำให้คนเราหาคำตอบกับชีวิตได้เลยว่า "ตายแล้วไปไหน" อิๆๆๆ...

สองหน่อถึงกับโอดครวญทันทีที่เจอกัน ทรมาณโค่ดๆ... ขึ้นรฟท.ทรมาณหยั่งก๊ะตกนรก

*อีกหน่อยต้องสอนลูกสอนหลาน "ไอ้หนูเอ๊ยยย...อย่าทำไม่ดีนะมันเป็นบาป เด๋วตายไปจะต้องไปขึ้นรถไฟ" 555+
Ninja  2009-05-01 15:07:05      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #6
ระหว่างวันที่รอสองหน่อจะเดินทางมาด้วย"นรก" ผมก็กลับทิศกันโดยการเข้าวัดเข้าวาไปหา "สวรรค์"

ตัวผมเองซึ่งไปกระแด่วรออยู่ที่ "พิดโลก"แล้ว ด้วยคำแนะนำของคุณ Mangza หรือเสี่ยเม้งของหลายๆคนนี่แหละ ก่อนหน้าที่เสี่ยเม้งแกจะว่างมาเจอกันตอนค่ำๆ ได้แนะนำให้ไปไหว้พระขอพรที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองที่นี่ซะก่อน เพื่อเป็นสิริมงคล

ผมก็สบโอกาสไปไหว้พระขอพรให้คุณแม่ และก็ใช้เวลาที่เหลือขี่รถย๊อกๆแย๊กๆร่อนๆไปตามเมือง"พิดโลก"ตามประสาคนไม่เคยมา รอเสี่ยเม้งไปพลางๆ

*ประวัติพอสังเขป*

พระพุทธชินราช ประดิษฐานอยู่ที่ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร จังหวัดพิษณุโลก สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยพระมหาธรรมราชาลิไท จัดเป็นพระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะงดงามที่สุดในประเทศไทยองค์หนึ่ง ถึงขั้นที่ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงดำริให้ชลอมาประดิษฐาน ณ พระอุโบสถวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม แต่ทรงรับฟังคำทูลขอร้องของชาวพิษณุโลก ที่ว่าพระพุทธชินราชองค์นี้ เป็นพระคู่บ้านคู่เมือง จึงทรงตัดสินพระทัยหล่อ พระพุทธชินราชจำลอง ขึ้นมาแทน
Ninja  2009-05-01 15:16:31      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #7
ระหว่างกลางคืนที่รอ"นรก(รถไฟ)"มาถึงในตอนเช้าตรู่

คุณเม้งก็มารับผมไปทานอาหารนั่งคุยกันไปเรื่อยเปื่อยก่อนจะเข้าที่พักเพื่อรอรับสองหน่อที่สถานีรถไฟในตอนเช้า

พอเช้ามาปุ๊ปก็ได้รับสายด่วนว่ามาถึงแล้ว ก็ต้องขี่รถน๊องแน๊งๆออกไปรับเพื่อกลับเข้ามาอาบน้ำอาบท่าเพื่อเตรียมขับขี่แบบ"ชุดใหญ่ผลไม้รวม"ให้ถึงซักประมาณหนองคายก็ยังดี เพราะมีคนสบประมาทไว้เยอะว่า วันนี้คงขี่ไปไม่ถึงหนองคายหรอก รถ KSR เนี่ยนะ อิๆๆๆ...

*ขอบคุณมากสำหรับมื้อค่ำง่ายๆแต่เป็นของอร่อยที่ควรได้ลองที่พิษณุโลกนะครับเม้ง ขอบคุณครับ(เย็นตาโฟ/ทับทิมกรอบ/ร้านนมที่หน้าตายังกะร้านเหล้า)
**ไปกับเสี่ยเม้ง NO Alcohol ครับ
Ninja  2009-05-04 03:01:17      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #8
เปิดฉากสามทหารเสือ(กระบาก) ที่หน้าโรงแรมที่ไปพัก เตรียมพร้อมเริ่มออกเดินทางแล้ว ไปว่ากันดาบหน้าดีกว่าว่าจะเจอกับอะไรบ้าง...

*โรงแรมนี้โอเคเลยนะครับ ถ้าใครคิดจะไปพัก ค่าห้องไม่แพง(เท่าไหร่) มีอาหารเช้าให้(แต่ผมไม่ได้ทานเพราะตาสองคนนี่มาพอดี)

และบรรยากาศ "ไม่หลอน" อันนี้สำคัญเลย อิๆๆๆ...(ไม่งั้นบางโรมแรมคุณอาจจะได้เป็นพระเอก"บุปผาราตรี3")
Ninja  2009-05-02 01:07:04      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #9
ระหว่างทางแรกๆช่วงจะเดินทางไปหนองคาย...

ไม่รู้จะเล่าอะไร รอเผื่อคนอื่นมีไรจะคอมเมนท์ละกัน???
Ninja  2009-05-01 15:30:35      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #10
ระหว่างทางที่จะเดินทางไปจุดผ่านที่ วังสะพุง จ.เลย...


ตาหนำแกเห็นทางมันสวยดี บรรยากาศ กิมจิเกาหลี"ซารางเฮโย"มากเลย เลยขอกดกันมาซะคนละช็อท

*ถ้ามีเตาหมูกระทะ(เกาหลี)วางไว้ด้วยจะส่งเสริมความเกาหลีมากกว่านี้อีกนะเนี่ย...
Ninja  2009-05-01 15:33:13      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #11
แบบ"พานอรามา" ตาหนำทุ่มทุนสร้าง เสียดายภาพเล็กไปหน่อย

*ไอ้จุกๆดำๆขยุ้มๆอยู่ตรงกลางนั่น ผมเอง... ไม่ใช่ขยะนะจ๊ะ...

********************

ทิวทัศน์บนถนน 2016 หล่มเก่า วังสะพุง(โดยจารย์อู๊ดวังสะพุง) เป็นเส้นทางลัดไป จ.หนองบัวลำภู โดยไม่ต้องขี่ขึ้นเส้นภูเรือไปผ่านตัวเมือง จ.เลย ย่นระยะทางไปได้พอสมควร แถมสวยงามทีเดียว
(หนำ/BURN!)
********************
ยังจำคำได้ว่า " โอ้ย!! วังสะพุง ทางดีๆ บอลทางสวยๆ อู๊ดมันบอกมา" : พี่หนำ
พอเลี้ยวเข้าไปเท่านั้นแหละ พบถนนไม่มีผิวถนน และ เส้นบอกแดน อยู่ หลายกิโลเหมือนกัน
!โดนหลอกตั้งแต่เมืองไทยเลยตู !
(Ball HG.)
Ninja  2009-05-13 13:30:08      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #12
*พยายามจะสื่อกันว่า "น้ำหนาว = น้ำมันหนาว/อากาศหนาว" แต่ดูๆไป ผมว่าเหมือน "คนอยากยา"ซะมากกว่า

ว่ามั๊ย???
Ninja  2009-05-01 15:37:00      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #13
วิ่งไปวิ่งมา ภูเขามันชักจะสูง ดันวิ่งเข้ามาในเมฆฝนซะงั้น

ฝนพรำๆเมฆฝนเป็นละอองเรี่ยๆอยู่ที่พื้น ตอนแรกนึกว่าควันอะไรขึ้น???

เฮ๊ยยย... นี่เราวิ่งอยู่ในฝนนี่หว่า... ก็เปียกเด่ะเฮีย... ถามได้...
Ninja  2009-05-01 15:39:31      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #14
ก็คุยกันว่าจะหลบดีหรือจะลุยดี???

พอดีเจอกระท่อมรจนาหน้าตาหลอนๆอยู่ข้างทาง เลย"เอาวะ..." ขอหลบเล่นๆดูซักนิดก็แล้วกัน...

*นี่ถ้ามีฝาปิดมิดชิดซะหน่อย สงสัยจะครบสูตรหนังไทยเป๊ะๆ "เข้าป่า/หลงทาง/ฝนตก/เจอ(ใบ)กระท่อม/อีหรอบนี้มีได้-เสีย(ไพ่)กันแน่นอน" 555+
Ninja  2009-05-02 00:36:31      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #15
ตาหนำถ่ายรูปมาคงกะให้วิวสวย แต่เพิ่งสังเกต ผมว่ารูปทรงภูเขามันชวน"สยิว"ไปซักนิด

คุ้นๆตาเนอะ???

ถ้าคนออกแนวชอบอะไรพระๆเจ้าๆหน่อย อาจจะมองเป็นอะไรซักอย่างของ "ทำ-มะ-guy"ได้...

*หลักจิตวิทยาเค้าบอกว่า คนเราฝักใฝ่อะไรก็จะมองเห็นเป็นยังงั้น ไอ้ผมน่ะ มองเห็นเป็นแบบชวนสยิวมากกว่า ว้า...ไม่น่าเลย คนรู้หมดว่าคิดอะไรอยู่?
Ninja  2009-05-02 00:41:12      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #16
ที่หน้า Home จะมองเห็นเจ๊พุงใหญ่ๆคนนึงแอ๊คท่าซะเริ่ดอยู่บนแบนเนอร์ทุกวี่ทุกวัน


โปรดิ๊วเซอร์หนำบอกว่า "ขอซักช็อทเหอะ" อ่ะ...ได้...จัดให้...

*คุ้นๆตากันมั่งมั๊ยค๊าบบบ...???

**ปล.ผมไม่ได้เป็นคนต้นคิดนะจ๊ะเจ๊(บา)จ๋า...
Ninja  2009-05-02 00:44:38      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #17
อีคนต้นคิดน่ะ อยู่นี่...

ขอมั่ง... ขอมั่ง... เด๋วจะตกเทรนด์
Ninja  2009-05-02 00:46:13      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #18
มาถึงจังหวัดอะไรซักอย่าง???(อ้าว... แล้วใครจะรู้?)


ระหว่างทาง ไอ้ฝนก็จะตก ไอ้คนก็จะสาดน้ำ(สงกรานต์) จะสาดทำไมฟะ แค่ฝนตูก็เปียกเหมือนลิงแล้ว...

อยู่ดีๆผ่านดงสาดน้ำไป รถนังบอล HG. ก็หายไปจากเรดาร์ดื้อๆซะงั้น ก็เลยย้อนกลับไปดูกัน ไปไฟหมดอะไรซักอย่างอยู่หน้าร้านค้าเล็กๆข้างทางพอดี

ได้ที ขี้แพะไหล ขอพักซะเลยละกัน ระหว่างนั้นก็ถอดหัวทงหัวเทียนกันไปตามระเบียบ

*คนแรกในรูปนั่นไม่ได้เกี่ยวไรกะพวกผมหรอก แกเป็นเจ้าของร้านค้าน่ะ แต่แกอัธยาศัยดี คุยจังเลย??? 555+
Ninja  2009-05-02 00:52:15      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #19
รู้สึกว่า หัวเทียนจะโกโฮมไปแล้ว ท่าทางเข้าเมืองๆหน่อยจะต้องเปลี่ยน ก็ได้แต่ทำใจ...

*หม่อมหนำน้อยจากเจ้าคุณแม่ มาตกระกำลำบาก ซดมาม่าอยู่ข้างทาง น่าสงสารจิงเจียว...
Ninja  2009-05-02 00:55:25      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #20
จริงๆมันพอจะมีรูปที่เหลือๆก่อนมาถึงที่นี่ แต่เด๋วมันจะดูเยอะไปหน่อย กระทู้เที่ยวลาวไรฟะ? ดูมาตั้งนานแล้วยังไม่ได้เฉียดกรายชายแดนซักกะที???

*ก่อนมาถึงที่นี่ รถผมก็กลัวตกเทรนด์ มีอาการวูบๆวาบๆ วอดๆดับๆให้สยิว(ว่ามันจะรอดมั๊ย?) เลยต้องไปแวะเปลี่ยนหัวเทียนกะเค้าด้วยคนที่ อุด้ง(UDON)ธานี

*อ่อ... เค้าอ่านว่า "อุดร" หรอครับ เห็นในเมนูอาหารญี่ปุ่น เขียนยังงี๊เค้าอ่านว่า "อุด้ง" อ่ะ(UDON)
**ช่างซ่อมรถที่อุดร ไม่ยอมพูดภาษากลางกะผมเลยอ่ะ เก็ทยากมากกก...

ขอข้ามมาหลังจากเจอที่พักที่หนองคายเลยก็แล้วกัน และแล้วเราก็ถึง...
Ninja  2009-05-02 01:18:35      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #21
บรรยากาศตอนเช้าๆกับการออกหาอาหาร

- ไม่มีลางบอกเหตุใดๆทั้งสิ้น เห็นว่าคนเยอะดี เลี้ยวเข้าเลย!!! ก็ขี่วนตั้งนานมันไม่มีร้านให้กินนี่นา ก็ร้านนี้ล่ะวะ
********** (Ball HG.)
Ninja  2009-05-13 10:59:30      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #22
ร้านนี้ดูคนเยอะและหน้าตาดีพอลุ้นแฮะ ไม่อยากไปไหนกันไกลๆเพราะจะต้องรีบไปด่านกันต่อ ตกลง"มาแซวหนำ"แกบอกว่าเอาร้านนี้ละกัน ก็"เอาวะ...!!!"

โอเคครับ ลงหลักปักฐานกันที่ร้านนี้แหละ มีอาหารยามเช้าให้เลือกหลายรายการ แตกแพทเทิร์นออกมาให้เลือกชิม
Ninja  2009-05-03 03:03:23      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #23
อาหารเช้าแนวๆแบบที่จะเจอที่นี่(หนองคาย) ส่วนนึงผมว่า ไข่กระทะ นี่มันเป็นเหมือนอะไรที่ "เทมเพลท" เดิมๆ แต่เปลี่ยน"ออปชั่น"ไปตามแต่ละที่ พอดีผมไม่ค่อยโปรด หมอยูหมูยอเท่าไหร่ เลยตกเป็นของตาหนำไป ทั้งชุดที่มีขนมปังสอดไส้หมูยอด้วย

ผมเองโซโล่แบบเบสิคๆ ต้มเลือดหมูเบๆนี่แหละ ง่ายดี

*ไอ้ครั้นจะไปกินแหนมเนืองเจ้าดังของหนองคายกันแต่เช้า ผมว่ามันก็จะ"ชุดใหญ่ผลไม้รวม"เกินไปนะ เวลาก็ไม่ค่อยมี อิๆๆๆ...
Ninja  2009-05-03 16:01:13      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #24
Ninja  2009-05-01 02:23:12      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #25
Ninja  2009-05-01 02:23:32      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #26
ในที่สุดก็ได้เวลาพร้อมจะเดินทางไปสุยเอาที่ด่าน ว่าจะได้ข้ามไปหรือเปล่า จริงๆแล้วคุณหนำแกศึกษาข้อมูลมาพร้อมทั้งหมดแล้ว เรื่องการเข้าออก เอกสารต้องใช้อะไรบ้าง ทุกอย่างครบถ้วน แต่มีบางอย่างที่เราต้องมาลุ้นกันอีกทีว่ามันจะเข้าไปทางหนองคายได้หรือเปล่า

*เพราะมันมีเรื่องราวลึกลับบางอย่างที่ต้องค้นหา ค่อยๆเล่าไปก็แล้วกันนะจ๊ะ...
Ninja  2009-05-02 07:55:03      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #27
เอกสารที่ต้องเตรียมสำหรับผู้เดินทาง
1) บัตรประชาชน
2) หนังสือเดินทาง (PASSPORT) มีอายุคงเหลือไม่ต่ำกว่า 6 เดือน ใช้ในกรณีที่เดินทางผ่านไปหลายเขตในลาว
ปัจจุบันไปทำหนังสือเดินทางได้ที่ กองหนังสือเดินทางตามห้างต่างๆใช้เวลาแค่ 1 ชม. เป็นอย่างมากพร้อมเงินประมาณ 1050 บาทถ้าจำไม่ผิด แต่ต้องรอหนังสือเดินทางประมาณ 2 วันถ้ามารับเอง และต้องรอ 7 วันถ้าให้ส่งไปรษณีย์ไปที่บ้าน ไม่ใช่ว่าทำปุ๊ปจะได้ปั๊ปนะ
กองหนังสือเดินทาง
ในกรณีที่เข้าไปในลาวแล้วไม่ได้เดินทางข้ามเขต เช่น เดินทางจากหนองคายข้ามไปเวียงจันทน์ แล้ว เดินทางกลับเลยไม่ได้เดินทางต่อไปที่อื่นในลาว ไม่ต้องใช้หนังสือเดินทาง กรณีนี้ให้ผู้เดินทางไปทำใบผ่านแดนได้ที่ด่านตม.ได้เลย
การเดินทางในลาว จากเวียงจันทน์-หลวงพระบาง-หลวงน้ำทา-ห้วยทราย ถ้าจำไม่ผิดจะมีด่านตรวจรถและนักท่องเที่ยวที่ผ่านข้ามเขตต่างๆอยู่ประมาณ 4-5 ด่าน ถ้าโชคดีถูกเรียกตรวจแล้วไม่มี PASSPORT ก็เตรียมเสียเงินค่าปรับไว้ได้เลย
หมายเหตุ ในปัจจุบันไม่ต้องทำวีซ่าขอเข้าประเทศลาวแล้ว
3) ทะเบียนบ้าน ( บางด่านตม.ก็ไม่ต้องใช้ )
**********(หนำ/BURN!)
Ninja  2009-05-07 05:21:38      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #28
ตอนอยู่ที่ด่านไทย เรามี"สาริกาลิ้นทอง" คือตาหนำ(555+) มีอะไรๆก็ตามๆแกไป แกส่งเอกสารอะไร เราก็ส่งตามๆกันไป

เวลาเจ้าหน้าที่ถามๆนั่นๆนี่ๆ เราก็ตอบๆไป แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เราตามตาหนำซึ่งขอบอกว่า "แกเนียนมากๆ" ไม่รู้ทำไม อะไรๆก็ผ่านได้หมดแฮะ

เราก็ย่ามใจ... ฮู๊ยยย... ยังงี๊เด๋วผ่านหมดแน่ๆ ได้ขี่รถเที่ยวลาวกันแล้วเฟ๊ยยย...
Ninja  2009-05-13 12:29:18      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #29
*ผมไม่ทราบว่าจริงเท็จประการใด แต่ว่า ปกติแล้ว ทางด่านทั้งสองด่านคือฝั่งหนองคายกับฝั่งลาวพูดมาเหมือนกันว่า ปกติแล้ว รถมอเตอร์ไซค์ทางฝั่งไทย เค้าก็จะไม่ให้วิ่งไปทางฝั่งลาว(คนไปได้ปกติ รถยนต์ปกติ) และมอเตอร์ไซค์(หรือ รถจัก ในภาษาลาว)ทางฝั่งลาว ก็จะไม่ให้วิ่งข้ามมาฝั่งไทย(นี่คือที่ด่านที่สะพานมิตรภาพ ไทย-ลาว ด่านอื่นๆอันนี้อาจจะมีความเคร่งครัดที่แตกต่างกันออกไปนะครับ)

อาจจะมีการข้ามได้ก็อาจจะด้วยกรณีพิเศษ หรือเคสที่ไม่ปกติ เช่น มาเป็นคาราวานหรือ ฯลฯ และการข้ามไป ก็เหมือนจะมีช่องทางอะไรบางอย่างที่ "ไม่เอา..ไม่พูด..." แต่พูดซักนิดนึงตรงนี้ก็แล้วกันคือ เอาข้ามไปด้วยรถกระบะ ซึ่งก็คงต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

*ซึ่งผมเองก็งงๆเหมือนกัน เรื่องของเรื่อง ที่เริ่มจุดประกายกันคิดไปลาวครั้งนี้ ก็มาจากเราก็เคยเห็นท่านอื่นๆเอารถเล็กๆไปกันได้เอง และก็มาโพสตามเว็บต่างๆให้ชม แต่ทำไมพอเอาไปเอง มันถึงออกมายังงี๊ได้หว่า...
********************
ดังนั้น... รูปพวกนี้จึงมีความหมายกับพวกผมมาก เพราะมีคนไม่มาก ที่จะได้เอา"รถจัก"ไปยืนแอ๊คถ่ายรูปกันบนสะพานมิตรภาพแบบนี้ ฮิ๊ววว...
Ninja  2009-05-04 03:02:18      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #30
ป้าเขียวเท่สุดๆไปเรยยย... แต่จะมีคนดูรู้มั๊ยเนี่ย ว่านี่มันคือสะพานมิตรภาพไทย-ลาว

เอาน่า...ได้แค่นี้ก็หรูแล้ว เย้...!!!
Ninja  2009-05-03 16:13:58      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #31
จริงๆแล้ว การเดินทางท่องเที่ยวในประเทศลาวไม่ใช่เรื่องยาก ใครๆก็สามารถไปได้ แต่การจะนำรถส่วนตัวไป อาจจะต้องมีขั้นตอนบางอย่างที่ต้องดำเนินการให้ถูกขั้นตอน ซึ่งอย่างครั้งที่ไปครั้งนี้ เอกสารทุกอย่างเราตระเตรียมไปอย่างครบถ้วน แต่วิธีบางอย่างมันอาจจะไม่ลงล็อค(?)ของมัน...

ตอนเมื่อเราเข้าไปถึงด่านทางฝั่งลาว ขั้นตอนการตรวจเอกสารในช่วงแรกเป็นไปอย่างง่ายดาย สะดวกโยธิน ตัวคนน่ะ ผ่านฉลุยไม่มีปัญหาภายในไม่กี่นาที แต่มาติดอยู่ขั้นสุดท้ายคือเอกสารที่จะรับรองการเอารถผ่านแดนเข้าไปนี่สิ... มันมาติดตรงเอกสารที่จะต้องออกเพื่อรับรองการเอารถเข้าไป ซึ่งเป็นเรื่องปวดหมองสำหรับเราสามคนมากๆ

แต่เรื่องมันก็วุ่นวายสำหรับเราเพราะว่า...
(Ninja)

********************
มีข้อตกลงเรื่องการนำรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลขี่ข้ามไป-มา ระหว่างด่านไทย-ลาวแตกต่างกันไปตามท้องที่ และทุกด่านเท่าที่โทรศัพท์สอบถาม เจ้าหน้าที่ตม.ไทยไม่อนุญาตให้บุคคลทั่วไปนำรถจักรยานยนต์ขี่ข้ามไป-มาเพื่อท่องเที่ยวระหว่างไทย-ลาว ยกเว้นว่า มีการติดต่อผ่านนายหน้า หรือ ตัวแทนบริษัทท่องเที่ยวที่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องระหว่างไทย-ลาว โดยเฉพาะที่ด่านตม.ที่มีสะพานมิตรภาพทั้ง 2 แห่ง ปัจจุบันไม่อนุญาตให้บุคคลทั่วไปที่ไม่ได้ทำเรื่องไว้กับบริษัทท่องเที่ยวนำรถจักรยานยนต์ขี่ ข้ามสะพานมิตรภาพ ทั้ง2แห่ง ( ที่ด่านตม.หนองคายเจ้าหน้าที่ให้ข้อมูลไม่ตรงกัน บ้างว่าได้ บ้างว่าไม่ได้ สุดท้ายเหมือนจะขึ้นอยู่กับดุลพินิจของนายด่าน ณ. วันนั้นๆ แต่ที่ด่านตม.มุกดาหาร สะหวันนะเขต พูดเป็นเสียงเดียวกันเลยว่า มอร์ไซด์ห้ามข้ามสะพาน !!! )

ในกรณีที่ต้องการจะขี่จักรยานยนต์ข้ามไปเที่ยวในลาว ที่ด่านชายแดนไทย-ลาวอื่นๆ ยกเว้นเชียงของ นอกจากเอกสารทั่วไปที่ต้องเตรียม จำเป็นต้องติดต่อผ่านนายหน้า หรือ ตัวแทนบริษัทท่องเที่ยว จะเป็นของไทย หรือ ลาวก็ได้ เพื่อให้ตัวแทนไปทำเรื่องขออนุญาตที่กระทรวงที่เกี่ยวข้องของประเทศลาวเพื่อรับรองว่าเป็นผู้เดินทางพร้อมรถจักรยานยนต์เพื่อการท่องเที่ยว ทางกระทรวงของลาวจะออกเอกสารสีเขียว A4 1 ใบ (ใบเสร็จค่าภาษีสำหรับนำรถเข้ามาใช้ชั่วคราวในประเทศลาว)ให้ทางตัวแทนท่องเที่ยวนำมายื่น ที่ตม.ลาว เพื่อขออนุญาตนำรถผ่านด่านเข้าประเทศ ทางตม.ลาว จึงจะออกใบปล่อยรถให้ ถึงจะนำรถขี่ผ่านด่านตม.ลาวเข้าไปเที่ยวในลาวได้ และจะไปกลับเข้าไทยที่ด่านไหนก็ได้เช่นกัน ไม่ต้องย้อนกลับมาที่ด่านเดิม แต่ต้องเก็บใบปล่อยรถกะใบเขียวไว้ให้ดีนะจ้ะ
**********
(หนำ/BURN!)
Ninja  2010-07-22 05:06:51      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #32
ในกรณีของเราสามคน ดันโชคดีได้ขี่ผ่านด่านตม.หนองคาย ข้ามสะพานมิตรภาพ ไปได้ทั้งๆที่ไม่ได้ทำเรื่องกับการท่องเที่ยวลาวไว้ (เจ้าหน้าที่ไทยที่คอยเก็บเงินค่าใช้สะพานอยู่ที่ป้อมตีนสะพานจะวิ่งออกมาถามด้วยหน้าตาเลิกลั่กว่า “ เฮ้ยยยย !!! ขี่ขึ้นมาได้ไงน่ะ สะพานนี้เขาไม่ให้มอร์ไซด์ขึ้นนะ ปกติต้องเอามอร์ไซด์ขนขึ้นกระบะข้ามไปเท่านั้น......ตม.ข้างล่างมันปล่อยมาได้ไงว๊า.... แต่ขึ้นมาแล้วก็.....ไป ไป ไป…มอร์ไซด์ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม ” ………เอ๊ !!! ยังไง ชักงง )

แต่ก็จะโชคร้ายเพราะทางตม.ลาว จะอนุญาตให้เฉพาะคนผ่านเข้าประเทศได้ ส่วนรถจักรยานยนต์จะต้องฝากไว้ที่รับฝากรถข้างตม.ไม่อนุญาตให้นำเข้าไปในประเทศลาว
แต่ถ้ายังดื้อดึงจะเอารถจักรยานยนต์เข้าไปขี่ด้วยให้ได้ ก็ให้เดินไปติดต่อที่บริษัทท่องเที่ยว ที่อยู่ข้างๆ ด่านตม. เพื่อให้บริษัทท่องเที่ยวไปทำเรื่องรับรองความเป็นนักท่องเที่ยวและเสียภาษีค่านำรถเข้ามาใช้ชั่วคราว ที่กระทรวงที่เกี่ยวข้องของลาวในเมืองเวียงจันทน์ เมื่อได้เอกสารแล้วก็นำไปยื่นที่ ด่านตม. จึงนำรถขี่เข้าไปในลาวได้ ถ้าไปช่วงวันทำการของราชการ การเดินเรื่องก็จะเร็ว แต่ถ้าไปช่วงวันหยุดหรือเวลาปิดทำการไปแล้ว เรื่องก็จะช้าและเจอค่าล่วงเวลาเพิ่มขึ้นจากปกติอย่างหนัก หรืออาจจะต้องเสียเวลาไปนอนแกร่วรอในเวียงจันทน์ก่อน เพื่อรอวันเปิดทำการของกระทรวงต่างๆ
**********
(หนำ/BURN!)
Ninja  2010-07-22 05:08:08      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #33
ตอนแรกหลังจาก ตรวจขั้นตอนเกี่ยวกับคนผ่านไปอย่างง่ายดาย พอมาถึงรถ เจ้าหน้าที่ถามหาพาสปอร์ตรถที่เป็นเล่มม่วง ซึ่งขนส่งบ้านเราไม่ได้ทำให้ เพราะจะใช้เป็นแปลเอกสารออกมาเป็นเล่มทะเบียนภาษาอังกฤษที่มีขนาดเป็น A4หน้าเดียวเท่านั้นเอง...

ก็มีงงๆกันเล็กน้อย แต่สุดท้าย เจ้าหน้าที่ก็บอกให้ไปติดต่อบนชั้นบนห้อง 5 แต่พอไปจริงๆมันต้องเป็นห้องหมายเลข6แฮะ...

เราได้เจอกับ(มารู้ทีหลังว่าเป็นเลขาของหัวหน้า แต่ตัวหัวหน้าแกไปร่อนอะไรอยู่ที่หนองคายก็ไม้รู้)ผู้สาวชาวลาวคนนึง เป็นเจ้าหน้าที่อยู่ในห้องนั้นแหละ(ตอนแรกท่าทางกะลังทานข้าวอยู่อีกห้องนึง พวกเราก็เลยเป็นมารคอหอย 555+)

ก็มีการอธิบายอย่างยืดยาวให้ฟังถึงเรื่องที่จะต้องมีการออกใบอณุญาตเกี่ยวกับการทำเรื่องมาท่องเที่ยวผ่านตัวแทนทัวร์ตามที่กล่าวไปแล้ว ซึ่งตอนแรกก็เหมือนว่ามันจะไปได้ถ้าเราไปทำตามที่เค้าบอกคือไปติดต่อกับทัวร์ แต่มันไม่ง่ายยังงั้นแฮะ ดูติดขัดไปหมด ยังงั้นก็ไม่ได้ ยังงี๊ก็ไม่ได้... ลงไปติดต่อกะทัวร์ ทัวร์ก็ให้มาติดต่อที่ข้างบน ซึ่งมันก็ห้องเดิมนั่นแหละ อาเจ๊เจ้าเก่า(จริงๆแกยังปิ๊งนะ เห็นตาหนำมองตาเป็นมัน อิๆๆๆ)แกก็พูดเป็นแบบเดิมว่า "ซ่วยบ่ได้จิงๆ ขอโทษหลายๆ ออกใบผ่านรถให้บ่ได้จิงๆ" วนไปวนมาเหมือนเปิดเทป พร้อมทั้งส่งรอยยิ้มพิมพ์ใจ(แต่ตูปวดใจเหลือเกิน จะไปขี่รถก็ไปไม่ได้)

เราพยายามชักแม่น้ำทั้งห้า รวมทั้งแม่น้ำทุกสายในลาวเลยเอ้า!!!(แถม) อาเจ๊แกก็ยังวนเวียนลูปเดิม ใช้ทุกวิถีทาง อีนังบอลจอมต่อรองก็ลองแซะหาวิธีนั่นนี่ ตาหนำแกหว่านเสน่ห์ใส่อาเจ๊ทำตาปิ๊งๆๆๆก็ยังไม่ได้ผล เอาไงกันดีอ่ะ...

เครียดมาก พวกเราเดินขึ้นเดินลงเป็นกระรอกกันอยู่ที่ตึกนั้นนานมากๆ นานจนจะเป็นชาวลาวอยู่แล้ว... เฮ้อ...
Ninja  2009-05-09 15:18:15      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #34
ด้วยความอึดอัดใจต้องระบายออกไปบ้าง เราพยายามเดินเรื่องมาหลายทางแล้วยังไม่เป็นผล ตื๊ออาเจ๊เลขาในห้องอยู่หลายรอบมาก ก็ได้ผลเช่นเดิมคือ รอยยิ้มและคำเดิม "ซ่วยบ่อได้จริงๆ ขอโทษหลายๆ" เราเดินผ่านตรงที่แสดงผลกล้องวงจรปิด เห็นทุกที่ที่เราเดินกันพล่านบนตึกนั้นเลย

*เอ๊า...ยังงี๊ถ้ามีใครนั่งดูกล้องอยู่ตลอดคงฮาดีเนอะ ไอ้สามคนนี้เดินพล่านเป็นชะมดเลย

อึดอัดซะจนต้องระบาย(ลงโถต่างๆ) เจ็บใจ... ไม่ยอมออกใบรถผ่านให้ตูหรอ

อี๊แหน่ะ...!!! ลงรอยกันเอาไว้ดีกว่า อิๆๆๆ...
Ninja  2009-05-03 02:55:07      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #35
เราใช้เวลาอยู่ที่ด่านนานมาก เกือบจะทั้งวันเข้าไปแล้ว เวลาก็เดินไปเรื่อยๆ พยายามทำยังงั้นยังงี๊ติดต่อหลายๆคนที่ติดต่อได้ เพื่อจะดูว่ามีช่องทางอะไรบ้างที่จะเอารถผ่านด่านเข้าไปวิ่งลาว มาขนาดนี้แล้วนี่นะ???

ตอนนี้ก็ดูเหมือนจะสิ้นหวัง...

แผนต่อไปจะเอายังงัยกันดีเนี่ย สหาย...

บ๋อแบ๋ บ่อท่า... ท่าทางจะต้องกลับไปเมืองไทยแล้วตั้งแผงขายแห้วต้มกันสดๆร้อนๆเลยมั๊งเนี่ย...

*ในรูป ตาหนำถึงกะร่ำไห้(ปลอมๆ)เพื่อประกอบฉาก ดูสิ... เสียใจกันขนาดไหน...

Ninja  2009-05-02 08:06:53      แจ้งลบความเห็น

PAGE 1 OF 7
GO TO PAGE

Privacy & Policy Statements Advertisement About StormClub.com Contact Stormclub.com