Register LOGIN Forget password ?
Webboard :: Member Cafe' :: 00015542
เจ๊บาพาชิม : อร่อยแบบบ้านๆ ที่ระนอง
ห่างหายไปไม่ต่ำกว่าสี่ปี สำหรับกระทู้โพสชวนท้องไส้ปั่นป่วนของเจ๊บา กลับมาหนนี้ยังแอบหวังว่าอาจจะยังพอมีมิตรรักแฟนกระเพาะคร่ากพอจำได้ และคาดเดาเอาเองว่านับแต่นี้ต่อไป อาจพอมีเวลาขี่รถแร่ดไปเสาะแสวงหาของอร่อยมากำนัลต่อมน้ำลายของทุกท่านได้ถี่ขึ้น (มั๊ง)

สองสัปดาห์ก่อน เจ๊บามีคิวเดินทางไปธุระปะปัง แถบๆพื้นที่แดนใต้ ก็คือการล่วงหน้าไปสำรวจเส้นทางสำหรับจัดทริปใหญ่ปลายปีของชาวพายุนี่แหละ ซึ่งในปีนี้เราจะปรับเส้นทางเดินทัพใหม่ จากที่เคยกินแต่ปลานิลทอดกระเทียม แกงจืดหมูสับสาหร่ายใส่ผักกาดขาว หรือเจ้าประจำอย่างไข่เจียวหมูสับ เราจะขอเปลี่ยนไปเสพโค้งแดนใต้ เอาลิ้นซุกไซ้อาหารทะเลให้สะดิ้งเหงือก

นอกเรื่องไปเยอะ...

ร้านอร่อยที่เจ๊บาอยากแนะนำให้เพื่อนๆทุกท่านได้ลองลิ้นอันแข็งแรงของท่าน ตั้งอยู่ที่จังหวัดระนองครับ ซึ่งถ้าท่านเดินทางจากจังหวัดชุมพรมุ่งหน้าระนอง ถ้ามาจากกรุงเทพ ถึงสี่แยกปฐมพร เลี้ยวซ้ายเข้าตัวเมืองชุมพร ตรงไปสุราษฎร์ธานี แต่เราเลี้ยวขวาไประนอง ผ่านค่ายเขตอุดมศักดิ์อยู่ขวามือ มุ่งหน้าลัดเลาะไปตามโค้งเรื่อยๆ ท่ามกลางโค้งแดนใต้ที่เขียวขจี ยิ่งในฤดูนี้ที่มีหมอกรายเรียงเรื่อ เจืออยู่ปลายยอดไม้บนเขาข้างทาง

สังเกตหลักกิโลที่อยู่ขวามือให้ดี เห็นหลักเลข 535 ก็โปรดชะลอความเร็ว สอดสายตาผ่านชิลด์หมวกกันน๊อคไปฝั่งขวามือ จนถึงระยะประมาณอีก 100 เมตรจะถึงหลักกิโลเมตรที่ 536 ท่านก็จะเห็นดังในภาพด้านบนนี่แล

เลี้ยวเข้าไปได้เลย พื้นดินอัดแน่นแข็ง มอเตอร์ไซค์น้ำหนักเกือบครึ่งตันอย่าง HD ก็จอดได้สบาย ใต้ร่มต้นเงาะ

พิกัด GPS. ของขุมทรัพย์ความอร่อยแหล่งนี้อยู่ที่ N.09 31.758 E.098.921

ส่วนถ้ามาจากระนอง พอเลยบ้านทับหลีแหล่งซาละเปาแล้ว ก็จงเตรียมเล็งซ้ายมือให้เจอหลักกิโล 536 แล้วท่านก็พุ่งเข้าจอดซ้ายได้เลย
Share |
banana    time: 2012-09-03 04:09:12   แจ้งลบกระทู้

ความเห็นที่ #1
ร้าน "น้องเล็ก" ที่เจ๊บาพามาชิมในหนนี้ เป็นร้านอาหานพื้นบ้าน บรรยากาศสบายๆ ไม่มีเด็กเสิร์ฟต่างแดนชวนปวดหัวเวลาสั่งอาหาร เพราะเป็นกิจการภายในครอบครัวของน้องเล็ก (อายุไม่น้อยแล้วเหมือนกัน) เจ๊บารู้จักร้านนี้ได้ก็เพราะอาเขย (พ่อของท่านกุ๊ก) ท่านเป็นนายทหารประจำการงานด้านความมั่นคงอยู่ในพื้นที่แถบจังหวัดระนอง ชุมพร แถบนี้ และท่านเป็นคนดื่ม ไอ้การที่จะหาร้านอาหารรสแบบจัดจ้านถูกปากคนลิ้นเรื่องมากอย่างเจ๊บาก็เลยเข้าทางพอดี อาเขยเค้าทานร้านนี้บ่อยเพราะเป็นทางผ่าน รวมไปถึงเป็นร้านที่ใช้รับรองนายทหารระดับสูงเวลาตรวจงานในพื้นที่ ซึ่งทุกคนที่ได้ลองลิ้มชมรสตะหลิวของน้องเล็กแล้ว ต่างก็เอ่ยปากชมในรสมือที่ถือว่า "จัดจ้าน" ไม่แพ้ใคร ในราคาที่เราๆท่านๆก็สามารถลองชิมได้ไม่ลำบากกระเป๋า

เห็นราคาอาหารในเมนูแล้วสะท้อนใจดีแท้ เพราะในนาทีนี้นับว่าหายากมากที่จะยังหาราคาอาหารระดับนี้ กับความอร่อยระดับนี้ ในยุค "แพงทั้งแผ่นดิน" แบบนี้

อ้าว...ไปเข้าเรื่องการเมืองได้ยังไงหว่า

กระซิบนิดนึง...ว่าพื้นที่แถบนี้ ท่านใดที่ชอบสีแดง โปรดงดเว้นการเอ่ยถึงคุณงามความดีของนายใหญ่ มิฉะนั้นท่านจะได้รอยแผลจากตะหลิวบนหัวกลับไป...555
banana  2012-09-03 03:44:13      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #2
รายการอาการของน้องเล็ก ถ้าดูผิวเผินก็ไม่ต่างจากร้านอาหารตามสั่งทั่วไป...แต่ถ้าท่านลองเงยหน้าจากเมนู แล้วหันมองไปทางหน้าห้องครัว ท่านจะเห็นความแตกต่างจากที่อื่น เพราะจะมองเห็นกระด้งผึ่งเครื่องเทศ เครื่องเคราในการประกอบอาหารวางผึ่งลมอยู่

ทีเด็ดของร้านน้องเล็กก็คือเค้าเลือกวัตุถุดิบในการปรุงอาหารด้วยตัวเอง เด็ดพริกด้วยมือตัวเอง สเน่ห์ของรสที่สัมผัสปลายลิ้นซึ่งเป็นตัวบ่งบอกความใส่ใจของคนปรุงอยู่ที่ตรงนี้ครับ เพราะถ้าใช้เครื่องแกงสำเร็จรูป เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าพริกที่เอามาตำมีราหรือไม่ ติดขั้วเน่าๆมาด้วยหรือไม่ รวมถึงกระเทียม กระชาย หัวข่า หรือแม้แต่หน่อไม้ดองซึ่งเป้นเครื่องประกอบสำคัญในแกงส้มของภาคใต้ที่เค้าดองเอง และบรรดาใบมะกรูดสดๆ ที่เด็ดจากต้นแกร็นๆข้างครัว แต่กลิ่นรสแสบสะทือนโสตนาสิกเวลาส่งอาหารเข้าปาก

ยามที่ปรุงอาหารให้ลูกค้าเสร็จ บรรดาแม่ครัวก็จะออกมานั่งเตรียมวัตถุดิบเหล่านี้ เพราะทุกอย่างที่นี่เค้าปรุงสดกัน ณ. บัดเดี๋ยวนั้น

เจ๊บาฝากท้องไว้ร้านนี้มาเกือบสิบปี ตั้งแต่เป็นร้านเล็กๆ มีแค่สามโต๊ะ วันนี้ขยายโต๊ะออกไปเพิ่มขึ้น แต่คุณภาพอาหารยังอยู่ในมาตรฐานเดิม คงเส้นคงวาเรื่องความอร่อยเช่นเดิม
banana  2012-09-03 04:04:42      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #3
โอ่โถง โล่งสบาย ไม่อึดอัด และที่สำคัญก็คือเรื่องความสะอาด

เมื่อก่อนไม่มีสีน้ำเงินของเครื่องดื่มน้ำสี แต่เดี๋ยวนี้เริ่มมีมาเติมให้ดูน่าสนใจขึ้น


ขอเตือนไว้นิดนึงสำหรับท่านที่สั่งอาหาร ...ถ้าท่านลิ้นท่านยังไม่คุ้นกับรสเผ็ดแสบทวารทั้งเก้า ก็โปรดจงสั่งเมนูเผ็ดแต่น้อยๆ เพราะทุกเมนูที่มีพริกของที่นี่ รับประกันว่า "ถึง" ครับ
banana  2012-09-03 04:07:43      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #4
เมนูแรกที่เจ๊บาง้างลิ้นรอตั้งแต่ออกจากบ้านย่านรามอินทราก็คือจานนี้ครับ "ปลาดุกทะเลผัดเผ็ด"

ดุกทะเล รสสัมผัสคนละเรื่องกับดุกเลี้ยงครับ เพราะปลาดุกทะลจะหากินอยู่ตามปากแม่น้ำที่ติดทะเล หรือชายทะเลที่มีโคลน ลำตัวคล้ายดุกนา เรียวลื่นยาวกว่านิดนึง แต่หัวโตกว่า ซึ่งไอ้ความอร่อยมันอยู่ที่หัวนี่แหละ รวมถึงเนื่้อลำตัวที่เนียบหนึบฟันกว่าดุกนา และไม่มีกลิ่นคาวอาหารเม็ดชวนรำคาญใจเหมือนดุกนาเลี้ยง

ผัดมากับเครื่องแกงทำเองที่เข้มข้น เนื้อปลาไม่แตกเละให้ต้องทำประมงเสาะหา ใบมะกรูดสดๆที่ฉีกพอเส้นกลิ่นแตก รวมกับใบยี่หร่า (ใบรา) สดๆ ที่เพิ่งเริ่มสลดตอนโดนไฟ แล้วส่งกลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ออกมากให้ต่อมน้ำลายกระตุก

ไม่ต้องรีบครับ...แต่ใช้ช้อนตักเครื่องแกงที่ราดมาใส่จาน คลุกข้าวสวยร้อนๆให้พอชุ่มๆ แล้วตักเนื้อปลาชิ้นพอคำวางทับด้านบน...ค่อยๆบรรจงใช้ช้อนซ้อนยกข้าวที่มีเครื่องแกงและเนื้อปลาอยู่ด้านลนเข้าช่องปากแบบช้าๆ ให้ไอกลิ่นของเครื่องเทศลอยเข้าจมูกก่อนหุบปากเคี้ยวช้าๆ

รับประกันว่าโสตประสาททุกส่วนของท่านตื่นตัวอย่างแน่นอน โดยเฉพาะถ้าคนไม่คุ้นรสเผ็ด อาจมีอาการหูตึงแบบฉับพลัน

เขียนไป ก็น้ำลายไหลไปด้วยอ่ะ


banana  2012-09-03 05:22:29      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #5
ส่งของเผ็ดเข้าปากพอเหงือกสะดุ้งดี ก็ต้องรีบตามติดประชิดไรฟันด้วยผักเหมือดที่ทางร้านยกมาวางไว้ให้ ไม่ว่าจะเป็นใบเหลียงลวก ผักกาดดอง และที่ตัดรสเผ็ดแสบลิ้นได้ดีที่สุดเห็นจะเป็นยอดมะม่วงหิมพานต์เจอรสฝาดๆ กลิ่นหอมๆ ให้เหงือกฝืดๆ เวลาเคี้ยว
banana  2012-09-03 16:00:03      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #6
เมนูถัดมา ซึ่งส่งกลิ่นลอยตามลมมาจากใครครัวตั้งแต่ช่วงหม้อเดือดก็คือแกงส้มหัวปลากระพงใส่หน่อไม้ดอง

สเน่ห์ของร้านอาหารเล็กๆ แถบขอบๆจังหวัดเหล่านี้ก็คือที่มาของวัตถุดิบที่เป็นของสด โดยเฉพาะหัวเมืองติดทะเล ใครคืนสั่งเมนูหมูเลี้ยง หรือไก่ฟาร์ม เป็นได้โดนแม่ครัวค้อนควั่บ

บ้านปากจั่นซึ่งเป็นที่ตั้งของร้านน้องเล็ก มีแม่น้ำกระบุรีไหลทาบทับก่อนออกสู่ทะเลอันดามันแค่ไม่กี่อึดใจเรือหางยาว ฉะนั้นของสดจำพวกปลาที่ชาวบ้านเค้าหามากินจึงเป็นปลาที่จับได้ในลำน้ำแถบนั้นสดๆ หมักน้ำแข็งขึ้นจากเรือเบ็ด รวมถึงหน่อไม้ต้นฤดูฝนซึ่งเพิ่งแทงจากดินไม่นาน นำมาหั่นฝานบางๆดองกันเองแบบชาวบ้าน รวมกับเครื่องแกงตำเองแบบแสบสันต์ แค่ได้กลิ่นก็แทบอยากจะแหกหม้อข้าวแล้วครับ
banana  2012-09-03 05:33:00      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #7
ตักขึ้นมาชิ้นนึง เป็นเนื้อส่วนต้นคอค่อนไปทางหัวปลา ซึ่งเป็นเนื้อส่วนที่เจ๊บาว่าอร่อยไที่สุด เพราะเป็นกล้ามเนื้อส่วนที่ปลาใช้งานหนักเวลาคอนโทรลการสะบัดหางเคลื่อนที่ แต่ถ้าอยากรับรสมันอันละมุนของเนื้อปลาก็ต้องเลือกราวท้อง ยิ่งถ้าเป็นปลาขนาดสามกิโลขึ้นไป...แม่เจ้าโว๊ย...ราวท้องกระพงนึ่งซีอิ๊วร้อนๆ อร่อยบัดซบจริงๆ

วิธีกินหัวปลาให้ถูกวิธี อย่าแคะแต่เนื้อใส่ปาก แต่ต้องเลือกชิ้นที่มีกระดูกติดมาด้วย โดยเฉพาะชิ้นใต้คางที่มีเนื้อหนังนุ่มๆ ค่อยๆตักใส่ปาก แล้วใช้ปลายลิ้นค่อยๆดุนไล่เรียวเนื้อที่ติดกระดูกปลาไปค้างไว้บนเพดานปาก จากนั้นจึงค่อยๆใช้เทคนิคย้ายกระดูกออกจากปากช้าๆ ค่อยๆเคี้ยวๆเนื้อปลาที่ดุนไว้แทรกกับหน่อไม้ดองอ่อนๆ...โอ้ววววว

ฮ่า ฮ่า ฮ่า...
banana  2012-09-03 05:39:36      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #8
จานถัดไป กุ้งแม่น้ำราดซอสมะขาม

เจ๊บาอยู่ชุมพรตั้งแต่เด็ก และเท่าที่จำความได้ตั้งแต่เด็ก ก็ไม่เห็นที่บ้านกินกุ้งเลี้ยงจากฟาร์มเลย โดยเฉพาะกุ้งน้ำจืดซึ่งที่บ้านบางหมากอยู่ติดคลอง ช่วงหน้าหนาว แค่ลงไปยืนเอาเท้าแช่น้ำนิ่งๆริมท่าน้ำหลังบ้าน ไม่นานก็จะมีกุ้งหลวงไต่มาดุ๊กดิ๊กบนหลังเท้า จังหวะนั้นต้องจัดท่าให้ดี สองมือคว้ามั่บลงไป เป็นได้มีกุ้งติดมือขึ้นมา ใหญ่น้อยว่ากันไป (เรื่องนี้ต้องใช้ประสบการร์สัมผัสของหลังเท้า ว่าส่วนไหนเป็นหัวเป็นหางกุ้ง เพราะถ้าตะปบเข้าหัว ก็มือแหก และต้องเรียนรู้ธรรมชาติของกุ้งด้วยว่า ถ้ามันรู้สึกว่ามีภัยใกล้ตัว มันจะดีดตัวไปข้างหลัง...ก็เข้ามือเราพอดี)

หรือถ้าวันไหนอยากได้ปริมาณพอให้ย่าได้แกงส้มให้กิน ก็ชวนพี่ชายเอามะพร้าวทุยฉีกเปลือกผูกสองลูกไว้ใต้หน้าอก ลอยตัวทูนตะแกรงไม้ไผ่สานที่ปู่ทำให้ ว่ายน้ำไปตามใต้กอต้นไทรริมตลิ่งที่ทอดรายฝอยลงพื้นน้ำ เอาตะแกรงค่อยๆสอดลงไปใต้รากไทร เขย่าๆรากแค่สองสามทีแล้วรีบยกตะแกรงขึ้นจากน้ำ ก็ได้กุ้งสารพัดกุ้งมาเด็ดหัวใส่หม้อแกง...แต่ต้องดูดีๆ เพราะบ่อยครั้งก็ต้องจ้ำอ้าวแทบไม่ทัน เพราะเจองูหลามมาซุ่มรอกินลูกปลาอยู่หลายครั้ง

นอกเรื่องไปเยอะอีกแล้ว...

กุ้งที่ร้านน้องเล็กนำเสนอในวันนี้คือกุ้งแม่น้ำแถวนี้ เพราะก่อนสั่งเมนูนี้ เจ๊บาถามแม่ครัวแล้วว่าเป็นกุ้งอะไร "ฉันไม่กินกุ้งเลี้ยง" คือคำตอบที่แสนชื่นใจจากในครัว

ถึงตัวจะไม่ใหญ่ แต่ก็สบายใจได้ว่าไม่มีสารเร่งโต หรือฮอร์โมนเร่งให้เสียสาวติิดปนอยู่ในเนื้อเหมือนกุ้งบ่อ แถมทอดมาผิวกรอบกำลังดี สามารถยกใส่ปากเคี้ยวได้ทั้งเปลือก

ซอสมะขามก็ฟังดูดี ซึ่งมันก็คือน้ำตาลปี๊บกวนกับน้ำมะขามเปียกนั่นแหละ แต่เค้าปรุงรสออกมาได้หวานหอมกลมกล่อม มีรสเปรี้ยวแทรกมาพอให้ต่อมน้ำลายทำงาน

banana  2012-09-03 05:52:18      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #9
ของอร่อยมันอยู่ตรงนี้ครับ

เพราะกุ้งที่ได้มาวันนี้เป็นกุ้งเพศเมีย (ตัวผู้ก้ามใหญ่ ตัวเมียก้ามเล็ก) และอยู่ในช่วงกำลังสร้างไข่อ่อน หรือที่ชาวบ้านเรียกกุ้งลักษณะนี้ว่า "กุ้งหัวไข่" เพราะไข่อ่อนที่ร่างกายกุ้งกำลังสร้าง จะรวมกันอยู่ที่หัว มีลักษณะเหมือเยลลีเวลาดิบๆ แต่เวลาสุกมันจะหนียวหนุบหนับเคี้ยวติดซอกฟันไม่แพ้ไข่ปูทะเล

ส่วนถ้ากินกุ้งก้ามใหญ่ (ตัวผู้) ท่านจะเจอแต่มันกุ้ง ซึ่งในทางวิทยาศาสตร์เค้าว่ามันคือตับกุ้ง ซึ่งหลายคนชอบเอามาคลุกข้าวสวยร้อนๆ เหยาะน้ำปลาซอยพริกขี้หนูละเอียด บีบมะนาวสาวแรกฤดูซักสองซีก...โอยยยย

ส่วนหัวกุ้งที่แคะพวงไข่ออกไปแล้ว อย่าทิ้งครับ ...ให้ใช้ส้อมแคะหากระเพาะขี้ซึ่งเป็นถุงดำๆอยู่ด้านล่างทิ้งไป แล้วค่อยๆให้นิ้วมือนี่แหละ รวบขากุ้งไปทางหัวให้เป็นระเบียบ สอดใส่ลงในปากของเรา เคี้ยวกรุ่บกรั่บได้เลยโดยไม่ต้องทิ้ง เพราะท่านจะได้ทั้งความอร่อย กำลังงานจากการบริหารเหงือก และแคลเซียมไว้ช่วมเสริมสร้างของกระดูกเวลาขี่รถตกหลุม...เฮ๊ย...มันเกี่ยวอะไรกันเนี่ย
banana  2012-09-03 07:13:18      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #10
โคลสอัพแบบใกล้ๆ ให้เห็นทุกอนูของนวลเนื้อน้องกุ้ง และพวงไข่ที่หอมมัน

สำหรับชาวมอเตอร์ไซค์ที่มีโอกาสขับขี่ผ่านเส้นทางนี้ ลองแวะชิมกันให้หูตาสว่างก่อนขับรถต่อ และปกติเจ๊บาจะผ่านไปชิมช่วงบ่ายๆ เพราะไม่แน่ใจว่าเปิดแต่เช้าหรือปล่าว แต่ถ้าไปเย็นย่ำค่ำอาจต้องรอเวลาอาหารถึงโต๊ะนานหน่อย เนื่องจากร้านนี้โด่งดังในหมู่นักชิมท้องถิ่นพอสมควร โต๊ะอาจจะแน่น

และที่สำคัญ ถ้าเป็นเย็นนัก...ยุงเยอะครับ เพราะร้านอยู่กลางป่า
banana  2012-09-03 06:23:02      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #11
หนังท้องตึงๆพอประมาณ เพราะช่วงนี้ไม่ค่อยสวาปามให้เคลื่อนที่ลำบากเหมือนสมัยเลขสามต้นๆ

แล้วเจ๊บาก็บังคับขู่เข็ญให้พลขับเคลื่อนรถเข้าสู่ตัวเมืองระนอง โดยในหนนี้ได้เลือกที่พักกิ๊บเก๋ยูเรก้ากลางเมืองระนองเป็นที่แสดงพลังกรน

เรือนหลวงพจน์ เป็นบูติคโอสเทลเก๋ๆของน้องบอย ซึ่งเป็นนักขี่รถคนนึงของระนอง (GS+HD อีกฝูงนึง) ซึ่งธุรกิจหลักของน้องบอยก็คือโรงแรมเขาสวยน้ำใสซึ่งนับว่าทันสมัยและบรรยากาศดีที่สุดลำดับต้นๆของระนอง แต่ท่าทางน้องบอยจะกลัวเวลาว่างเหลือ ก็เลยรื้อห้องแถวเ่ก่าโบราณของตระกูลซึ่งตั้งอยู่กลางสามแยกในตลาด ซึ่งเป็นพื้นที่ชุมชันคับคั่งที่สุดของเมืองระนองในอดีต ให้กลับมามีชีวิตอีกครั้งด้วยห้องพักแบบง่ายๆ ดีไซน์เก๋ๆ จำกัดแค่ไม่กี่ห้อง โดยเน้นบริการแบบง่ายๆ สบายๆ

ด้านหลังของโฮสเทลแห่งนี้ยังมีบ้านเก่าดั้งเดิมของตระกูล ซึ่งน้องบอยมีโปรเจคเตรียมไว้อยู่ในหัว รอค่อยๆขยับขยายให้มีสีสันในเวลาอีกไม่นาน

ทางเรือนหลวงพจน์มีเจ้าของเป็นคนขี่มอเตอร์ไซค์ ฉะนั้นย่อมเข้าใจหัวอกคนชอบสองล้อเหมือนกัน จึงไม่ต้องห่วงเรื่องที่จอดรถครับ...มีคนดูแลให้
banana  2012-09-03 06:11:40      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #12
ห้องแถวทรงชิโนโปรตุกีสซึ่งเป็นรูปทรงอาคารที่นิยมในสมัยหลายสิบปีก่อน เป็นส่วนผสมที่ลงตัวเข้ากับลักษณะการใช้สอยและลักษณะภูมิอากาศของแถบนี้ โดยเฉพาะโครงสร้างเก่าที่ยังคงเป็นของเดิม หนักแน่นหนาด้วยวัสดุที่คงทนกว่าคอนโด MDF ในสมัยนี้เยอะ

น้องบอยบอกว่าค่อยๆทำไป ไม่รีบ บางอย่างอาจยังไม่พร้อม แต่ในอนาคตไม่นาน มันจะสมบูรณ์อย่างแน่นอน และมี wifi ให้ใช้ไม่เสียตังค์

น่าสนใจสำหรับนักบิดรถท่องเที่ยวที่มองหาที่พักคอเดียวกันแบบสบายกระเป๋า แถมทำเลที่ตั้งอยู่กลางตลาดเก่า ของกินอร่อยมีให้บริหารกระเพาะกันทั้งวัน

banana  2012-09-03 06:20:06      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #13
หันหน้าออกไปหน้าที่พัก ก็คือสามแยกตลาดเก่าที่เคยพลุกพล่านในอดีตยุคเหมือนแร่คึกคัก
banana  2012-09-03 06:24:15      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #14
ภายในชั้นสองของอาคารคือห้องพักที่มีอยู่แค่หกห้อง ตกแต่งไม่เหมือนกัน และต้องใช้ห้องน้ำรวม (ชายหนุ่มคงไม่มีปัญหา) และวันที่เจ๊บาไปพัก ก็มีแค่เจ๊บาห้องเดียว ก็เลยแทบจะหเมือนบ้านส่วนตัวไปโดยปริยาย ซึ่งปกติที่นี่จะรับลูกค้าต่างชาติเป็นหลัก

แนะให้นิดนึง...สำหรับคอ HD ลองคุยกับน้องบอยเจ้าของที่นี่ดูดีๆ แกอาจพาไปเปิดกรุถชม HD ตัวหายากแบบของครบๆ ซึ่งแกมีกรุซ่อนอยู่หลายคันใกล้ๆกัน

...........................................

Return of เจ๊บา ตอนแรกในรอบหลายปี ก็คงจบลงด้วยภาพๆนี้

ขอให้ทุกท่านขับขี่รถด้วยความปลอดภัย กินข้าวให้อร่อย...ไปเมืองไหน ก็ลองหาของกินบ้านๆ แบบที่ชาวบ้านถิ่นนั้นเค้ากินกัน มันจะทำให้ทริปของท่านมีอีกมุมสัมผัสที่แตกต่างและประทับใจกว่าแย่งกันไปถ่ายรูปกับป้ายร้านกาแฟอย่างที่วัยแบ๊วนิยมอัพเฟซบุุ๊คกัน

@_^
banana  2012-09-03 06:30:37      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #15
น้ำลายสอยามบ่ายเลยครับ อาจารย์
yeex16  2012-09-03 07:33:45      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #16
ทั้งที่พักที่กินน่า.....มากคร้าบ
kengzz  2012-09-03 08:30:00      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #17
ว้าวว สุดยอดเลยครับ
will.i.am.  2012-09-03 08:42:46      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #18
ตวงน้ำลายได้สองกะละมัง อยากกินกุ้งหัวไข่อ่ะ มันเป็นยังไงหนอออ ;p
กล้วย  2012-09-03 13:39:38      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #19
หมดฝนแล้วคงต้องตามไปลองหัวกุ้งด้วยคน

ปล. เห็นกระทู้นี้แล้วทำให้รู้สึกว่าทั้งคนทั้งรถแก่ไปเยอะเลยครับ
old bike  2012-09-03 14:30:34      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #20
รอมากลับมาครับกับการเที่ยวชิมเที่ยวไทยแบบนี้
แต่ที่แน่ๆ ในความเห็นที่5 ออกรสออกชาติมากจนต้องสะดุ้งเลยครับ ติดเรทครับ ติดเรท 555
satanıcdeath  2012-09-03 15:29:23      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #21
ขอบคุณครับ สำหรับท่านความเห็นที่ 20 ที่อ่านทุกตัวหนังสือ

ขออภัยที่อาจมีสะกดผิดบางคำ เพราะช่วงพิมพ์บรรยาย สมองมันไปไวกว่ามือครับ

@_^
banana  2012-09-03 16:01:19      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #22
เอิ่วววว แกงส้มนะแกงส้ม
X_X
Dog Lover !  2012-09-04 03:00:55      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #23
ผมชอบการใช้คำที่บรรยายให้รับรู้ถึงรสชาติของอาหารแม้ว่าจะยังไม่เคยกินของพี่น่ะครับ พี่เล่นหายไปนานมาก พอกลับมาครั้งนี้ ผมเลยตั้งใจอ่านเป็นพิเศษ แหะๆ ไม่ได้มีเจตนาจับผิดนะครับ ไงๆผมก็อ่านเข้าใจอยู่แล้วครับว่าพิมพ์ผิด^^ แต่เจอคำนี้เข้าไปมันอดยิ้มแบบเสียวๆไม่ได้คับ ฮิฮิฮิ
satanıcdeath  2012-09-04 07:52:20      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #24
พิกัดที่ให้มาไม่น่าจะถูกนะครับ ลองป้อนดูแล้วไปโผล่แถว ถนน4191สุราษฏร์โน่น
red seat  2012-09-04 11:07:37      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #25
บรรยายซะ...เปิดคอลัมน์ เจ๊บาชวนชิมได้เลยครับ
cpong67  2012-09-05 01:30:11      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #26
อืม... งั้นสิ้นปีนี้จัดทริปดีกว่า
สุราษฏร์ฯ-ระนอง
ฮิ้ววววว
poungpond  2012-09-18 19:18:55      แจ้งลบความเห็น


Privacy & Policy Statements Advertisement About StormClub.com Contact Stormclub.com