Register LOGIN Forget password ?
:: Special Scoops :: Honda CB400SF
Guest View : 65,549 / Last update : 4/02/2007
Special Scoop : Honda CB400SF
 

บทความตัวนี้ Mr.J เขียนไว้ในเว็บบอร์ดของ StormClub ซึ่งพ่อหมอแกตั้งใจทำค่อนข้างมากเก็บข้อมูลไว้เยอะพอสมควรผมเลยเห็นว่าถ้าเอาไว้ในเว็บบอร์ดแล้ว ไม่นานอาจจะต้องถูกลบโดยไม่ได้ตั้งใจอีก ก็เลยเอามารวบรวมไว้เป็น Special Scoop เลยน่าจะดีกว่า .... ซึ่งต้องขอบคุณ Mr.J ที่อุตสาเสียเวลานั่งทำนั่งเขียนให้พวกเราได้อ่านกันสำหรับคนที่สนใจในรายละเอียด ข้อมูลทางเทคนิค ประวัติ ข้อดี-ข้อเสีย เชิญรับชมกันได้แล้วครับ

 

CB400SF โมเดลแรก ปี92-93 ชื่อโค้ดมันคือ CB400SF2N เช็คได้ที่ตรงเฟรมใต้เบาะ ตอนนี้โมเดลนี้ยังเป็นที่นิยม สำหรับผู้ที่ยังต้องการเอสเอฟ ในรูปแบบมีทะเบียน
เลขคอของรุ่นนี้คือ NC31-1000000 ขึ้นไป เลขเครื่องคงไม่ต้องสนใจมาก เพราะว่า ป่านนี้อายุการใช้งานคงสูงพอที่จะต้องเปลี่ยนเครื่องแล้ว

ข้อดีของรถรุ่นนี้คือ ล้มแล้ว ไมล์ไม่ค่อยแตก เครื่องยนต์ทนทาน ดูแลรักษาง่าย
ข้อเสียคือ แผ่นชาร์จไม่ทนสักเท่าไหร่ เพราะว่าอยู่ตรงจุดที่อับลม ไม่สามารถระบายความร้อนได้ทัน และ เฟรมอ่อน ถ้าล้มแรง ๆ หรือชนแรง ๆ เปอร์เซ็นต์เฟรมคดจะมีสูงมาก

ข้อเสียที่สำคัญ ณ ปัจจุบันอีกเรื่องนึงก็คือ ความเสื่อมสภาพของอุปกรณ์ติดรถครับ ถ้าเป็นรถมีป้ายในบ้านเรา พวกท่อยางหม้อน้ำ ยางปากคาร์บู ซีลต่าง ๆ น่าจะหมดสภาพแล้วครับ
โมเดลที่สองของเอสเอฟ คือปี 94 ตัวนี้ได้รับการเพิ่มเกจ์วัดน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าไปในเรือนไมล์ด้วย หรือคนไทยนิยมเรียกว่า ไมล์สามลูก ซึ่งถ้าล้มปุ๊บ ปวดกบาลปั๊บทันที เพราะว่า เกือบทั้งหมดจะเสื้อไมล์แตก (ราคาเสื้อไมล์ตกราว ๆ สองพันบาท)

และเอสเอฟ แบบมีทะเบียนแท้ ๆ สำหรับปี94นี้ ยังพอมีให้เห็นอยู่ แต่ก็ค่อนข้างน้อย ถ้าเลือกจะเล่นรถมีทะเบียน ความเห็นของผมคือ มันน่าเล่นกว่าตัวปี92-93 มีทะเบียนครับ

เลขคอคือ NC31-1200000 ขึ้นไป เลขเครื่อง เป็น NC23E-150-xxxx ขึ้นมา
เอสเอฟ ปี94 ได้รับการแก้ไขเรื่อง ระบบจุดระเบิด และ เปลี่ยนลูกสูบใหม่ ดูได้จากภาพนะครับ จะเห็นได้ว่า กราฟระบบจุดระเบิด แตกต่างจากตัว92-93 มากทีเดียว ภายในท่อไอเสีย ก็ได้รับการขยายไส้ท่อใหม่ ให้ใหญ่กว่าเดิม อ้อ คาร์บูก็เปลี่ยนรหัสด้วยครับ จากตัว92-93 ที่ใช้ Keihin VP22A ก็เปลี่ยนเป็น VP22C
เรือนไมล์สามลูก เป็นดังภาพ และ ตัวปี94 จะมีที่แขวนหมวกกันน็อคตรงมือจับท้ายเบาะด้วย มีสวิทช์ไฟฉุกเฉินที่ปะกับคันเร่ง และ ฝาครอบข้างใช้ Emblem แทนที่จะเป็นสติ๊กเกอร์ แต่ว่า ในปัจจุบัน คงหาปี94 ที่มีอุปกรณ์เป๊ะ ตามนี้ยากครับ
ต่อมา เริ่มปี95 เอสเอฟ ได้รับการปรับปรุงใหม่อีกครั้งนึงเพื่อไปสู้กับ XJR400R ที่มีการปรับเสปค ไปใช้เบรคเบรมโบ้ และช็อคอัพหลังโอลินส์ โดยฮอนด้า ได้ออก เวอร์ชั่นอาร์ ที่มีการแก้ไขจากตัวแสตนดาร์ดปี94เกือบทั้งคัน และ เครื่องยนต์ได้รับการปรับปรุงฝาสูบ-เสื้อสูบใหม่ เครื่องยนต์บล็อคใหม่ สำหรับเวอร์ชั่นอาร์ ได้รับการขยายวาล์วใหม่ ให้ใหญ่กว่าเดิม คาร์บูชุดใหม่ขนาด 29มิล (ของเดิม 26มิล) ทำงานร่วมกับระบบจุดระเบิดแบบ PGM-IG

อัตราทดเกียร์ยังคงเดิมแต่เปลี่ยนอัตราทดขั้นสุดท้ายใหม่ โดยการเพิ่มฟันสเตอร์หลังอีก สามฟัน ทำให้เวอร์ชั่นอาร์ มีอัตราเร่งที่จี๊ดจ๊าด ผิดหูผิดตากับตัวธรรมดาเลยทีเดียว
ท่อไอเสียแบบ 4-2-1 ถอดเปลี่ยนปลายท่อได้ ที่เฮดเดอร์เพิ่มช่อง Sub Tube
พอเปลี่ยนท่อไอเสียเป็นแบบนี้ ทำให้ เวอร์ชั่นอาร์ รวมไปถึงเวอร์ชั่นเอส ไม่สามารถติดตั้งขาตั้งคู่ได้ เนื่องจากติดท่อไอเสียที่เลื้อยผ่านกลางลำตัวรถ ทางฮอนด้าจึงไม่ได้เชื่อมจุดยึดสำหรับติดตั้งขาตั้งคู่มาให้ด้วย ใครไม่แน่ใจว่ารถของตัว เป็นเวอร์ชั่นอาร์ หรือ เอส แท้ ๆ ก็ให้ก้มดูที่ใต้ท้องรถ จะไม่มีจุดยึดขาตั้งให้ครับ
โฉมหน้าอันหล่อเหลา (หรือเปล่า???) ของเวอร์ชั่นอาร์ ที่มาพร้อมกับโคมไฟแบบกระจายแสงพิเศษ
ตัวเรือนไมล์ของเวอร์ชั่นอาร์ จะคล้ายของตัวปี92-93 แต่ตรงที่เป็นเกจ์วัดความร้อนในตัวปี92-93 จะเปลี่ยนเป็นเกจ์วัดน้ำมันเชื้อเพลิงแทน (ตรงนี้ต้องขอบคุณน้องเบิร์ดที่ช่วยให้ความกระจ่างครับ) และเรือนวัดรอบมีตัวเลขเพิ่มขึ้นเป็น 15,000รอบต่อนาที (เอสเอฟตัวแสตนดาร์ดมี 14,000รอบต่อนาที)

คันเกียร์ได้รับการปรับปรุงใหม่ด้วย ในตัวปี95
เฟรม เป็นอีกจุดนึงที่ทำให้เวอร์ชั่นอาร์ และ เวอร์ชั่นเอส รู้สึกว่าเข้าโค้งได้ดีกว่าตัวแสตนดาร์ด ลองเทียบดูเอาเองนะ ตัวเลขในวงเล็บเป็นของตัวแสตนดาร์ด


ช่วงล่างของตัวเวอร์ชั่นอาร์ ก็เป็นคนละตัวกับตัวแสตนดาร์ดนะครับ ค่าสปริงจะแข็งกว่า แต่ดูด้วยตาภายนอกจะไม่รู้ จนกว่าจะได้ลองขี่

รายละเอียด ของตัวแสตนดาร์ดปี 95 ให้ชมในภาพนะครับ

สังเกตุตรงคาร์บูนะครับ ว่าไม่มีกะเปาะสีดำ ที่เป็นตัวเซ็นเซอร์เช็คปีกผีเสื้อ และช็อคอัพหลังที่เหมือนตัวปี92-93 สปริงเป็นสีดำ
เอสเอฟ ตัวแสตนดาร์ด ปี95 เลขคอคือ NC31-1300000 ขึ้นไป เลขเครื่อง เป็น NC23E-160-xxxx ขึ้นมา
ส่วนเวอร์ชั่นอาร์ เลขคอคือ NC31-135-xxxxขึ้นไป เลขเครื่อง เป็น NC23E-165-xxxx ขึ้นมา สังเกตุนะครับ ว่า เลขตัวที่สามของเวอร์ชั่นอาร์ทั้งเฟรม และเครื่อง จะเป็นเลข 5 ก็เนื่องจากว่า มันเป็นคนละตัวกันกับตัวแสตนดาร์ดนั่นเอง (แรงกว่าจริง ๆ ขอบอก)
โค้ดที่ตัวถังบริเวณใต้เบาะสำหรับตัวแสตนดาร์ด คือ CB400SF2S และ สำหรรับเวอร์ชั่นอาร์คือ CB400SF3S
ชุดเบรคที่เหมือนปี92-94 ซึ่งถ้าใครชอบขี่โหด ๆ ขอแนะนำว่าให้เปลี่ยนผ้าเบรคเป็นเกรดเรซซิ่ง และใส่สาย stainless ถัก จะทำให้ฟิลลิ่งเบรคดีขึ้น เรือนไมล์ก็เหมือนปี94 ที่มีวัดรอบสูงสุดที่ 14000รอบต่อนาที ใครที่ใช้เวอร์ชั่นเอส ปี96 ระวังตรงจุดนี้ด้วยนะครับ
ลองดูว่าเรือนไมล์ของคุณ เป็นแบบนี้หรือเปล่า (มีเลขแค่14) เพราะมันจะรายงานรอบความเร็วไม่ตรงกับเครื่องยนต์ของเวอร์ชั่นเอสปี96 นะครับ
คราวนี้มาเริ่มที่ตัวปี 96บ้าง ปีนี้เป็นปีเดียวที่ฮอนด้า ออกเอสเอฟ เวอร์ชั่นเอสมาถึงสองครั้ง ครั้งแรกคือ ตอนต้นปี เดือนกุมภา ส่วนอีกครั้งนึงคือ ตอนปลายปี เดือนพฤศจิกา ซึ่งตัวที่ออกมาปลายปีนี้ ถือเป็นเวอร์ชั่นเอส ปี97-98นะครับ ตัวรถยังคงเหมือนเวอร์ชั่นอาร์ทุกประการ ไม่ว่าจะเป็นเฟรม เครื่องยนต์ ท้าย แต่ที่เปลี่ยนไป มีดังนี้

1. เรือนไมล์ กลับมาใช้แบบสามลูก และไม่ใช้หน้ากากแล้ว
2. ช็อคอัพหลังเปลี่ยนรูปทรงใหม่
3. ระบบเบรคหน้า เปลี่ยนไปใช้แบบ สี่ลูกสูบเป็นครั้งแรก และมีการแก้ไขปรับปรุงจานเบรคใหม่ เพื่อเพิ่มพื้นที่สัมผัส
5. แผงพักเท้าแบบตาข่ายเปลี่ยนจากสีเงิน เป็นสีดำ
6. น้ำหนักรถ เบาลงไป 1กิโล เป็น 174กิโล (เวอร์ชั่นอาร์ 175กิโล)
ชุดเบรคแบบ สี่ลูกสูบ จานเบรคปรับปรุงพื้นที่ผิวสัมผัสใหม่ ซึ่งคาลิปเปอร์ 4ลูกสูบชุดนี้ ประสิทธิภาพเยี่ยมมาก ส่วนตัวเครื่องยนต์ยังเหมือน เวอร์ชั่นอาร์ ปี95 ปลั๊กหัวเทียนเป็นสีแดง และช็อคอัพหลัง new look
 
เรือนไมล์ของเวอร์ชั่นเอส ปี96 ตัวเลขเป็นสีขาวนะครับ จำไว้ให้แม่น ๆ ว่ามีตัวเลขถึง 15,000รอบต่อนาที
คราวนี้มาดูเอสเอฟ ตระกูล NC31 รุ่นสุดท้ายกันดูบ้าง ซึ่งนับเป็นเอสเอฟ รุ่นที่สวย และครบเครื่องที่สุดเท่าที่ฮอนด้าเคยทำมาเลยทีเดียว (ไม่นับวีเทค ที่เป็น NC39 นะครับ)

เอสเอฟ ตัวแสตนดาร์ด ปี96เลขคอคือ NC31-140-xxxx ขึ้นไป เลขเครื่อง เป็น NC23E-170-xxxx ขึ้นมา

ส่วนเวอร์ชั่นเอส เลขคอคือ NC31-145-xxxxขึ้นไป เลขเครื่อง เป็น NC23E-175-xxxx ขึ้นมา

โค้ดที่ตัวถังบริเวณใต้เบาะสำหรับตัวแสตนดาร์ด คือ CB400SF2T
และ สำหรับเวอร์ชั่น S คือ CB400SF3T

อย่างไรก็ดี เอสเอฟ ปี96 ถือว่า ดีกว่าเอสเอฟ ปี92-95 แต่ก็ยังดีไม่พออยู่ดี ถ้าใครอยากจะซื้อมาแต่ง ถือว่าคุ้ม แต่ถ้าจะซื้อมาขี่แบบเดิม ๆผมว่า หาตัวปี97ขึ้นมาจะเวิร์คกว่าครับ
 
   
 เริ่มที่ตัวแสตนดาร์ดก่อน ดูเผิน ๆ ต่างกันเพียงแค่ แผงพักเท้า กับท่อไอเสีย แล้วก็เรือนไมล์เท่านั้นเองครับ แต่ดูรวม ๆก็นับว่าดูดีมาก
แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปสำหรับภายในเมื่อเทียบกับตัวก่อน ๆก็คือ เครื่องยนต์ครับ ฮอนด้าได้ปรับปรุงท่อไอดีใหม่ให้ยาวกว่าเดิม ปรับระบบจุดระเบิดใหม่ และทำไส้ท่อใหม่ให้มีขนาดสั้นลง
- ระบบเบรคเปลี่ยนจากสองลูกสูบ มาเป็นสี่ลูกสูบครั้งแรก ในเวอร์ชั่น แสตนดาร์ด จานเบรคเปลี่ยนจากสีดำ มาเป็นสีทอง และเปลี่ยนทรงโรเตอร์ตัวในใหม่

- ช็อคอัพหลังเปลี่ยนมาใช้แบบเวอร์ชั่นเอสปี 96

- ท้ายใหม่ชิ้นเดียว สุดสวย ซึ่งตัวปี 92-96 สามารถแปลงมาใส่ได้ แต่ต้องหมดตังค์ราว ๆสี่ - ห้าพันบาท (ค่าท้าย พันห้า , ค่าชุดยึดท้าย พันห้า - สองพัน , ค่าแปลงเบาะ หนึ่งพัน )
คราวนี้มาดูเวอร์ชั่นเอส กันบ้าง มีจุดเด่นหลายอย่างเช่น

- ชุดเรือนไมล์ แบบตัวเลขและเข็ม สีแดง สวยมาก ๆ
- คาลิปเปอร์เบรคหน้าของเบรมโบ้
- กันสะเทือนหน้าแบบปรับความแข็งสปริงได้
- กันสะเทือนหลังยังคงเหมือนตัวเวอร์ชั่นเอส ปี96

ส่วนเลขคอ ของตัวแสตนดาร์ด เริ่มที่ NC31-150-xxxx เลขเครื่องเริ่มที่ NC23E-180-xxxx ขึ้นมา

ส่วนเวอร์ชั่นเอส เลขคอคือ NC31-155-xxxxขึ้นไป เลขเครื่อง เป็น NC23E-185-xxxx ขึ้นมา

โค้ดที่ตัวถังบริเวณใต้เบาะสำหรับตัวแสตนดาร์ด คือ CB400SF2V
และ สำหรับเวอร์ชั่น S คือ CB400SF3V
ราคาปัจจุบัน ยังคงป้วนเปี้ยนอยู่ราว ๆ เจ็ดหมื่นบาทขึ้นไป สำหรับรถอินวอยซ์ ส่วนตัวทะเบียนแท้ ๆ พุ่งกระฉูดไปอยู่ที่แสนกลาง ๆ ถ้าเงินไม่ใช่ปัญหา มันคงยังน่าเล่นมากอยู่ดีครับ
และ ก็ยังมีตัวพิเศษ ฉลองครบรอบ 50ปี ของฮอนด้าด้วย โดยจะเป็นเวอร์ชั่นเอส ทำสีพิเศษ ขาว-แดง มี Emblem ที่ข้างรถ ล้อเป็นสีทอง
ผลิตจำนวนจำกัด เพียงแค่500คันในโลก
ออกวางจำหน่ายเมื่อวันที่19 มิถุนายน 1998
ถือว่ารุ่นนี้เป็นรุ่นสุดท้ายของตระกูลซูเปอร์โฟร์ NC31 จริง ๆ เพราะว่า เดือนกุมภาพันธ์ ปีต่อมา ฮอนด้าก็ขึ้นเจเนเรชั่นใหม่ ของซูเปอร์โฟร์ เป็น NC39 และปรับปรุงทุก สองปี จนแตกต่างกับตัวแรกเมื่อปี92อย่างสิ้นเชิง
ต่อไป มาว่ากันถึงของแต่งยอดนิยม ที่หาได้ยากเย็นบ้าง ง่ายบ้างในเมืองไทย

สิ่งที่เปลี่ยนกันมากที่สุดเป็นอันดับแรก คือ ท่อไอเสีย
มีให้เลือกหลายแบบ หลากยี่ห้อ แต่ดัง ๆ ก็ไม่พ้น โมริวากิ , โยชิมูระ , และ TSR

ราคาว่ากันที่สภาพ และ ความต้องการของสินค้าในขณะนั้น แต่เริ่มที่ประมาณ 4000ขึ้นไป ไม่ว่าจะเป็นปลายท่ออย่างเดียว หรือทั้งยวง

ในภาพเป็นของโยชิมูระ รุ่น Titan Cyclone ปลายเป็นคาร์บอนไฟเบอร์ เบิกใหม่ ราคาประมาณ 87000เยน และเบากว่าท่อเดิมประมาณ สามกิโลกรัม
ของแต่งสุดฮิตที่ตามมาคือ พักเท้าแต่ง ที่มีเข้ามามากที่สุด น่าจะเป็นของ Coerce และ อาจจะมีของพวก โมริวากิ , โยชิมูระ , BEET japan , ISA , TSR หลง ๆเข้ามาบ้างแต่ก็นับว่าน้อย

ข้อเสียของพักเท้าแต่งของ Coerce คือ ต้องซื้อพักเท้าคนซ้อนแยกต่างหาก ซึ่งในเมืองไทย ของมือสองหายากมากกกกกกกกกกกกกก

ราคาพักเท้าคู่หน้า มือสองตกประมาณ สองพันกลาง ๆขึ้นไป ส่วนพักเท้าหลังอยู่ประมาณ หนึ่งพันบาทขึ้นไป

ถ้าใจร้อน รอไม่ไหว จะสั่งใหม่ ทั้งชุด หน้า-หลัง ตกประมาณ 40000เยน (คู่หน้า 31000เยน คู่หลัง 9000เยน) สำหรับของ Coerceนะ
พอใส่แล้ว ตำแหน่งท่านั่งจะดีขึ้น (ถอยไปข้างหลัง31มม. และสูงขึ้น28 มม.)
เหมาะสำหรับคนสูงไม่เกิน 170 ไม่งั้นเข่าจะไปชนขอบถัง
อีกชิ้น ที่น่าจะหามาใส่กัน คือ Stabilizer อันนี้ก็มีหลายยี่ห้ออีกเช่นกัน แต่เห็นเยอะสุด ก็เป็นของ Coerce เหมือนเคย เบิกใหม่ ตกประมาณ 12000เยน แต่ของมือสองอยู่ประมาณ พันกลาง ๆขึ้นไป
ใส่พักเท้าแต่ง แล้วจะดูดีอย่างนี้.....อิ อิ อิ
ของแต่งติดกาย เอสเอฟชิ้นสุดท้าย คือ แฮนเดิ้ลบาร์ มีมากมายหลากยี่ห้อ ไม่ว่าจะเป็น Hardy , Posh , Renthal , Hurricane และมีหลายแบบให้เลือก ไม่ว่าจะเป็น Low , Middle , High แล้วแต่สรีระของผู้ขับขี่

ราคาอยู่ที่ประมาณ สองพันห้าขึ้นไป สำหรับของใหม่ และ
จริง ๆยังมีของแต่งอีกมากมายสำหรับเอสเอฟ มีให้ยำกันทั้งคัน แต่ขอแค่นี้ก่อนละกันครับ ส่วนเรื่อง ข้อมูลทางเทคนิค และการบำรุงรักษา ผมจะทยอยลงให้อีกทีละกันนะครับ

 

 

เรื่อง Mr.J
แก้ไขล่าสุด : 14 เมษายน 2547

 
 ** Storm Riders ขอสงวนลิขสิทธิ์บทความและข้อเขียนทั้งหมด ห้ามมิให้มีการลอกเลียนไม่ว่าส่วนหนึ่งส่วนใดของบทความ รูปภาพ และวิธีการนำเสนอไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาติจาก Storm Riders หรือ StormClub.com **
 

 

Privacy & Policy Statements Advertisement About StormClub.com Contact Stormclub.com