Register LOGIN Forget password ?
Webboard :: Charity :: 00004583
PAGE 2 OF 2
GO TO PAGE
ภาพบางส่วนจากยอดดอย






















ปล่อยให้กระแส MotoGP ที่เซปังจางไปหน่อย ก็ได้เวลาโพสของเรา

รูปชุดนี้ ได้มาพร้อมๆ กับสี่กระทู้ก่อนหน้านี้ แต่บางส่วนผมเลือกเอามาเปลี่ยนโทนเป็นขาวดำ และส่วนที่เป็นภาพสี ก็ลอง ใช้เทคนิคการปรับแต่งสี สไตล์ HDR ดึงสีบางส่วนที่มันหลบซ่อนอยู่ให้มันเด้งขึ้นมา

ดูเอาเพลินๆ ส่วนใครจะคิดอะไรต่อ ก็จินตนาการกันเองครับ

ภาพนี้คือ อาศรมพระธรรมจาริกบ้านจันทร์ อยู่ในอำเภอแม่แจ่ม จ.เชียงใหม่
วัดที่อยู่ใจกลางหมู่บ้านกะเหรี่ยงกลางป่าสนวัดจันทร์

เสียดายท้องฟ้าในช่วงนั้นมันมีแต่เมฆ มันเลยแลดูฝ้าๆ ไปหมด แต่มันก็ทำให้วัตถุที่อยู่ด้านหน้าในภาพมันเด่นขึ้นมาจากความเรียบง่ายของพื้นหลัง

เร่งสีอีกนิดหน่อยให้สีมันกลายเป็นสีออกโทนเข้ม
จนดูคล้ายๆสีทอง
Share |
banana    time: 2007-10-29 05:23:29   แจ้งลบกระทู้

ความเห็นที่ #36
ความคืบหน้า....

ช่วงเสาร์-จันทร์ ที่ผ่านมา คุณครูในพื้นที่บนดอยในแม่ฮ่องสอน ลงมาประชุมที่ตัวเมือง ก็เลยให้หนูดาวจัดการหาข้อมูล ว่าที่ไหน พื้นที่ใดบ้าง ที่ยังขาด ยังต้องการสิ่งใดอยู่บ้าง

ในเบื้องต้น หลังจากที่เห็นสภาพรถของสองครูที่เราเจอล่าสุด คือครูจิ๊ก และครูสุ ที่เอาฮอนด้า Wave Dream ใช้ตะลุยดอยในสภาพยางหมด สเตอร์บิ่น ก็เลยให้คุณครูทั้งสอง นำรถเข้าไปทำการตรวจเช็ค เปลี่ยนอะไหล่ที่เสียหายหรือหมดสภาพในร้านที่ตัวเมืองแม่ฮ่องสอน ก่อนที่จะกลับขึ้นไปบนดอย ค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ สตอร์มไรเดอร์ส รับผิดชอบให้ทั้งหมด เพราะอย่างน้อย จะได้เป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายของครู เพื่อสวัสดิภาพของครูทั้งสอง เวลาที่ต้องตะลุยขึ้น-ลงในดอย

และหนูดาวก็ซื้อรองเท้าแตะสำหรับเด็กอีกจำนวนหนึ่ง รวมถึงเสื้อกันหนาวอีกนิดหน่อย ฝากคุณครูขึ้นไปฝากเด็กๆ ที่กิ่วขมิ้น
อย่างน้อยหนาวนี้ น้องเค้าจะได้ไม่ต้องเดินเท้าเปล่าบนดินแข็งๆ ในอากาศหนาวๆไปโรงเรียน

คงจะช่วยบรรเทา กันได้ในระดับนึงก่อนครับ

พูดถึงเรื่องการช่วยเหลือ มันมีอะไรยาวเหยียดครับที่หลายคนยังไม่รู้ หลายคนอาจคุ้นกับภาพมูลนิธิต่างๆ ที่พรีเซ้นท์องค์กรตัวเองตามสื่อ เพื่อขอรับบริจาคเงิน
banana  2007-10-30 05:13:19      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #37
มาว่ากันต่อ เพราะเมื่อเช้า งานหลั่งไหลเข้ามา จนหัวปั่น...

ขอบคุณทุกคน ที่สนใจกิจกรรมอันนี้ครับ
จะพยายาม ค่อยๆสร้าง ค่อยๆทำ ไม่ต้องให้มันใหญ่โตอะไรมากมาย ทำเท่าที่เรามีกำลังทำ โดยไม่เดือดร้อนชีวิตประจำวันปกติ

ปลายปี ว่าจะเอายางหนามใส่ล้อ KSR ไปทิ้งไว้ที่แม่ฮ่องสอน เผื่อวันไหนขึ้นไป จะได้ไปตะลุยฝุ่นสนุกๆ ไม่รู้ก๊วน KSR ที่เคยอยากไปลุยโคลนกับผม ยังอยากจะไปกันอีกรึปล่าว....

สำหรับของบริจาค รวบรวมกันมาได้เรื่อยๆ ครับ
- เสื้อผ้า อยากเน้นที่เสื้อผ้าเด็กๆ ครับ เสื้อผ้าผู้ใหญ่ก็ได้ แต่ถ้าได้สีเข้มๆ ที่ไม่ใช่สีขาวก็จะดี

- รองเท้า ตอนนี้มีไอเดียว่าจะหาซื้อรองเท้าบู๊ตยางสำหรับเด็กไปให้น้องๆ จะดีกว่ารองเท้าแตะ เพราะบนดอย ชุ่มฉ่ำแทบทั้งปี และมันอาจช่วยป้องกันสัตว์มีพิษได้ในระดับนึง

- ของเล่น อยากได้เป็นจำพวกผ้า บรรดาสิ่งที่ทำจากพลาสติค พอมันพัง มันจะกลายเป็นขยะอยู่บนดอยในที่สุด บรรดาตุ๊กตุ่น ตุ๊กตาที่ทำจากผ้า เอามาได้เลย

- เมล็ดพันธุ์ผัก สำหรับให้แต่ละโรงเรียนปลูกในแปลงผักอาหารกลางวันของเด็กๆ ส่วนปุ๋ยไม่จำเป็น เพราะแต่ละที ดินดำน้ำชุ่มร่วนซุย

- พันธุ์ไก่ อันนี้ให้คุณครูหาเอาในท้องที่จะดีกว่า เพราะไก่พื้นถิ่น อดทน หากินเองเก่ง ไม่ต้องขนจากพื้นราบขึ้นไปให้บอบช้ำ

หลายคน อาจสงสัยว่า แล้วทำไม หน่วยงานราชการ ไม่มีงบอุดหนุนให้หรือไง หรือไม่มีหน่วยงานอื่นช่วยกันบ้างหรือ
เราต้องมาแยกทีละประเด็น
- งบอุดหนุนของหน่วยงานราชการ มีให้ครับ แต่ไม่เคยพอ เงินที่ไปถึงหม้อข้าวเด็กบนดอย ตกมื้อละไม่กี่บาทสำหรับเด็กหลายสิบคนในแต่ละโรงเรียน คิดง่ายๆว่า เงินค่าอาหารของเราที่อยุ่ในเมืองกรุงหนึ่งวันสามมื้อ เลี้ยงเด็กได้ครึ่งโรงเรียนในหนึ่งมื้อครับ รายรับของโรงเรียนที่จะหวังจากเงินค่าเทอมที่ผู้ปกครองจะจ่าย ก็ไม่ต้องหวังว่าจะได้มา เพราะเงิน 10 บาท บนดอย ต้องปลูกถั่วเหลือง ปลูกข้าวโพดจนเหนื่อย กว่าจะได้ ส่วนใหญ่กะเหรี่ยงที่อยู่บนดอย จะทำการเกษตรแบบพออยู่พอกิน ปีนึงมีไม่กี่ครั้ง ที่จะได้สัมผัสธนบัตรฉบับละ 100 บาท.......
- หน่วยงานเอกชนอื่น ไม่มาช่วยเหลือกันหรือ....มีครับ แต่มีเฉพาะในหมู่บ้านที่อยู่ใกล้ๆเมือง หมู่บ้านหรือโรงเรียนที่ผู้บริจาคสามารถเข้าไปถ่ายรูปตอนฉีกยิ้มยื่นของให้คนรับเอาออกมาได้ ส่วนบนดอย เข้าถึงลำบาก โดยเฉพาะฤดูฝน ที่แม้รถยนต์ขับเคลื่อน 4 ล้อยังเข้าถึงลำบาก หมู่บ้านบนดอยก้แทบจะถูกตัดจากโลกภายนอก ทั้งๆที่อยู่ในผืนแผ่นดินไทย ทุกคนมีบัตรประชาชน สิ่งเดียวที่เป็นเทคโนโลยีจากโลกภายนอกที่เล็ดรอดเข้าสู่พื้นที่เหล่านี้ก็คือ คลื่นวิทยุ FM. แค่นั้น จึงไม่มีใครอยากเข้าไปให้ลำบาก

ถามว่า แล้วทำไม คนเหล่านี้ถึงไม่ย้ายออกมาอยู่ในพื้นที่อื่น ที่ใกล้ความเจริญกว่านี้ ......กะเหรี่ยงทุกคนรักถิ่นฐานครับ เค้าเป็นชนเผ่าโบราณที่อยู่ในหุบเขาของพื้นที่ลุ่มน้ำ สาละวิน อิรวดี แถบเทือกเขาตะนาวศรีมาก่อนเผ่าพันธุ์อื่น บางตำนาน ก็กล่าวกันว่า อยุ่ตั้งแต่ก่อนกำเนิดอาณาจักรล้านนา ะอุปนิสัยของกะเหรี่ยงจะผูกพันธ์กับป่าและธรรมชาติ ทำการเกษตรแบบพออยู่พอกิน ไม่ค่อยหักร้างถางพงปลูกกะหล่ำเหมือนเผ่าม้ง ที่ส่วนใหญ่แอบข้ามแดนมาจากลาว...
แม้กระทั่งฟืน ที่อยู่ใต้เรือนของกะเหรี่ยง เวลาที่เค้าเดินไปทำนาทำไร่ ระหว่างทางถ้าเจอกิ่งไม้แห้งที่หักหล่นลงมาจากต้น หรือต้นไม้ที่ตายแล้ว เขาถึงจะเก็บมันมากองไว้ใต้ถุนเพื่อทำฟืน กะเหรี่ยงแทบทุกคนจะรักต้นไม้ รักป่า และรักที่จะอยู่ในป่า...มันก็เหมือนจะย้ายหมู่บ้านชาวประมงขึ้นมาอยู่บนภูเขานั่นแหละ...


ข้อมูลเพิ่มเติม ของกะเหรี่ยง ลองเข้าไปอ่านได้ที่


และเว็บของเด็กๆของกะเหรี่ยง ที่ลงมาศึกษาอยู่ในเมือง



แล้วทุกคนจะอมยิ้ม ในความรู้ใหม่ที่หลายคนไม่เคยรู้
banana  2007-10-30 10:45:13      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #38
กลไกการตรวจสอบ รวมไปถึงภาพลักษณ์ของการคอรัปชั่นในสังคมไทย ส่งผลต่อกิจกรรมการช่วยเหลือคนเหล่านี้อย่างเลี่ยงไม่ได้

บางบริษัท มอบเงินให้มา แต่ระบุว่า ต้องซื้อชุดนักเรียนให้เด็ก ทั้งๆที่ความต้องการที่เค้าขาดในลำดับต้นๆ คือ ลำดับที่หนึ่งของปัจจัย 4 ก็คืออาหาร ...และยังขอใบเสร็จในการซื้อของเหล่านั้นกลับไป เพื่อหักภาษีของบริษัท !

คนมีอาหารกินอิ่ม ก็จิตใจแจ่มใส มีแรงคิด มีแรงทำงาน มีแรงที่จะเรียนรู้ บางครั้งคุณครูที่รับผิดชอบโครงการเหล่านี้ก็พูดไม่ออก ทุกวันนี้ ส่วนหนึ่งอยู่ด้วยใจ ครูที่อยู่ในโรงเรียนเหล่านี้ ส่วนใหญ่เป็นคนในพื้นที่ ที่รักและเลือกที่จะอยู่ในพื้นที่เกิด ได้อยู่ใกล้พ่อ-แม่ ครอบครัว แต่ต้องแลกกับความตีบตันในหน้าที่การงาน ซึ่งยากที่จะหาใครที่ไหนจะขอย้ายตัวเองมาอยู่ในป่าแทน

ปัจจุบัน หน่วยงานต่างๆ ที่เคยสนับสนุนพื้นที่เหล่านี้อยู่ ก็เริ่มทยอยถอนโครงการออกไป หันไปช่วยเหลือบรรดาคนพลัดถิ่น ผู้หนีภัยสงครามตามแนวชายแดนเสียมากกว่า เพราะอะไรหรือ ส่วนหนึ่งก็เพราะคนในพื้นที่ชายแดน ถ่ายภาพออกมาได้เรื่องราวที่เกี่ยวเนื่องกับสงคราม อันส่งผลต่อความใจอ่อนต่อผู้บริจาคเงินให้องค์กรเหล่านั้นได้มากกว่าภาพการช่วยเหลือคนไทยแท้ๆที่อยู่ในแผ่นดินไทย.....ปีนึงๆ มีคนพลัดถิ่นชาวพม่าที่ได้วีซ่าผู้ลี้ภัยไปอาศัยอย่างถาวรในประเทศทางยุโรป อเมริกาเป็นจำนวนมหาศาล โดยอาศัยแผ่นดินไทยเป็นพื้นที่จัดการ และโดยที่คนไทยไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย นอกจากคำว่า มนุษยธรรม แค่นั้นเอง

พล่ามไปเยอะ บ่นไปมาก นอกเรื่องไปพอสมควร

สรุปก็คือ ในปีหน้า เราจะพยายามสร้างกิจกรรมในแนวนี้ให้มากขึ้น และเปิดโอกาสให้คนที่สนใจ ได้มีส่วนร่วมมากขึ้น แต่ต้องทำใจกันหน่อยนะ ว่ามันค่อนข้างลำบาก อยู่พอสมควร

จะทำอย่างไร ที่ทำให้สังคมมอเตอร์ไซค์ชาวพายุของเรา แตกต่างในทางสร้างสรรค์สังคม


@_^
banana  2007-10-30 10:21:36      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #39
น้ำตาร่วงเลยพี่ไก๋ มันเป็นอย่างนั้นจริงๆครับพี่น้องครับ
GHOST RIDER  2007-10-30 13:44:37      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #40
รูปสวยดีครับคุณ banana
แต่สงสัยว่า "กล้องกระป๋องแป้ง" นี่คืออะไรครับ
ครูเก่ง  2007-10-30 14:50:51      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #41
รูปชุดนี้ของพี่

สวย... ทุกภาพ และ

งาม... น้ำใจ

จริงๆครับ

BURN !  2007-10-31 01:59:09      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #42
รูปสวยจริงๆ...
ac  2007-10-31 12:56:51      แจ้งลบความเห็น

PAGE 2 OF 2
GO TO PAGE

Privacy & Policy Statements Advertisement About StormClub.com Contact Stormclub.com