Register LOGIN Forget password ?
Webboard :: Member Cafe' :: 00005099
+++ปาย ในมุมที่เปลี่ยนไป..+++(^_^)!!!!



ลองดูครับ....เมื่อความเจริญเข้ามาเมืองเล็กๆที่เงียบสงบ....
ก็เปลี่ยนไปทุกอย่างเป็นธุรกิจไปหมด...


Share |
toe23    time: 2008-01-15 01:30:03   แจ้งลบกระทู้

ความเห็นที่ #1
สัมผัสปาย ครั้งแรกเมื่อ 17 ปีก่อน
ตอนนั้นปาย ไม่มีอะไรเลย เป็นอำเภอสุดแสนจะกันดาร ไม่มีใครเหลียวแล เป็นแค่ทางผ่าน มีปั๊มน้ำมันเล็กๆสองหัวจ่ายอยู่แค่ปั๊มเดียว ก๋วยเตี๋ยวในตลาด มีให้กินตอนกลางวันแค่ร้านเดียว ถนนกลางเมือง เส้นที่มีร้านกาแฟชื่อดัง(แต่ไร้น้ำใจ) ตอนนั้นยังเป็นทางราดปูนเก่าๆ มีห้องแถวโย้เย้อยู่ไม่กี่แห่ง

หกปีที่แล้ว ความเจริญเริ่มมาเยือน จากปากต่อปากของบรรดานักท่องเที่ยวบักสีดาที่นิยมการใช้ชีวิตสมบุกสมบัน ประเภททัวร์เดินป่า นอนตามห้างนา พี้มารีฮวนน่า ล่องแพ......มีร้านเหล้าที่กิ๊บเก๋สุดๆตอนนั้นก็คือ B-Bob ซึ่งเจ้าของร้าน เป็นรุ่นพี่ที่คณะที่ผมเรียนนั่นเอง

ห้าปีที่แล้ว แทบไม่มีนักท่องเที่ยวคนไทยไปเดินครับ

สี่ปีที่แล้ว พัฒนาการของปาย เดินตามถนนข้าวสารไม่ผิดเพี๊ยน มี 7-11 มีอินเตอร์เน็ทคาเฟ่ เริ่มมีหนุ่มสาววัยรุ่นชาวกรุงไปเยือน

สามปีที่แล้ว หมู่นักท่องเที่ยวคนไทยวัยรุ่น เริ่มไหล่หลั่งเข้าไป ที่ดินเริ่มขึ้นราคา คนเมืองหลวงแห่กันไปซื้อที่ทำรีสอร์ท ทำเกสเฮ้าส์ และในปีนั้นเอง เหมือนธรณีพิโรธ เกิดดินถล่ม น้ำป่าไหลหลากลงจากยอดเขา พัดเอาก้อนหินขนาดยักษ์และรากไม้ ตอไม้ขนาดบิ๊กบึ้มลงมาซักบรรดาเกสเฮ้าส์และรีสอร์ทริมน้ำ หายวับไปกับตา

มองอีกมุมนึง ตามความเชื่อของคนเฒ่าคนแก่ นั่นอาจเป็นสัญญานจากธรรมชาติว่า สิ่งแปลกปลอมเหล่านั้น ไม่ใช่วิถีที่ถูกต้องที่จะอยู่คู่กับเมืองปาย.......

ที่สำคัญ สิบกว่าปีก่อนที่ผมไป คนเมืองปายน่ารัก มีน้ำใจ ยิ้มแย้มแจ่มใส แต่สองปีที่ผ่านมา ทุกอย่างมีแต่คำว่า "ผลกำไร" แค่นั้นเอง

ที่เคืองมากที่สุด ล่าสุดที่เพิ่งไปมา ก็คือบรรดาร้านกาแฟที่แห่กันมาสร้างริมถนนบนเนินเขา บรรดานักท่องเที่ยววัยรุ่น (แม่ม) ก็แห่จอดรถกันลงไปเพื่อถ่ายรูปกับป้ายชื่อร้าน จนเกะกะเต็มถนน ซึ่งเป็นทางสัญจรหลัก จนอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุ บรรดาสาวน้อยแก้มแดงชาวกรุง เดินกึ่งกระโดดเหยงๆกันอยู่ริมถนน .....

บ้าไปแล้ว !

ที่สำคัญ ถ้าท่านขี่มอเตอร์ไซค์ผ่านถนนช่วง ปาย-แม่มาลัย ไม่ว่าขาไปหรือขากลับ มีสิ่งที่ท่านต้องระวังก้คือ
-บรรดารถยนต์แต่งซิ่งจากเมืองกรุง ที่ชอบจำลองถนนหลวงเป็นสนามดริฟท์ สาดเข้ามากินเลนแบบเต็มๆ
- ถ้าจะแซงหรือสวนรถโดยสารประจำทางคันสีส้มๆ ก็ระวังอ๊วกของผู้โดยสารปลิวมาปะทะให้ดี เพราะสาวๆชาวกรุง ไม่รู้ฮิตอะไรนักหนา ชอบนั่งรถส้มที่ว่า แล้วแม่เจ้าประคุณก็จะเมารถ แล้วอ๊วก กันตลอดทาง

เฮ้อออออออ.......




banana  2008-01-15 03:23:03      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #2
เปลียนไปมากเลยคับ ทุกอย่าง เงิน เงิน ไม่ดีเลยคับ
chicken_home  2008-01-15 05:25:16      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #3
ได้ข่าวว่าช่วงปีใหม่ที่ผ่านมาคนแห่แหนกันขึ้นแม่ฮ่องสอนกันมากมาย..
มากซะจนนํ้ามันหมดปั๊ม..โห!!!
ไม่รู้ว่ากระแสมันกำลังมา หรือว่าคนมันฮิตอะไรกันหนักหนาแต่ท่ายังปล่อยให้เป็นแบบนี้..
อีกหน่อยเมืองปาย...เมืองที่เงียบสงบ สวยงาม
คงไม่ต่างอะไรกับ พัทยา....ภูเก็ต...หรือสมุย
(พูดถึงสมุยแล้วแหวะจริงๆเราจัดงานฟูลมูนปาร์ตี้ให้ฝรั่งมันมาพี้ยา มั่วเซ็ก แล้วยํ่ายีชายหาดสวยๆของเราจนและหมดแล้ว)

นี่ตัวอย่างความคิดเห็นส่วนหนึ่งในลิ้งข้างบนนะครับ...ผมCoppyมาให้ลองดู

ความคิดเห็นที่ 16
เราไม่เคยไปปายนะ อยากไปเหมือนกันเเต่ได้ยินหลายๆคนที่ไปมาแล้วบอกว่าไม่น่าประทับใจเท่าไหร่ เพราะฝรั่งเยอะมากกก เยอะเกินไป แล้วทุกอย่างก็ดูเป็นธุรกิจไปหมด ยกตัวอย่างเพื่อนเราคนนึงเเค่หันกล้องไปจะถ่ายรูปเด็กๆ(ชาวบ้าน) แต่เด็กๆกลับถูกสอนให้ขอเงินซะงั้น(ประมาณว่าเป็นค่าตัว) ก็เลยยังคิดอยู่ว่าจะไปปายดีมั้ย ไม่อยากไปที่ที่ฝรั่งเยอะๆอ่ะ อยากได้บรรยากาศของปายจริงๆ ไม่ใช่ปายปรุงแต่ง

ความคิดเห็นที่ 19
ตามความเห็นที่ 7 ครับไป ปาย ก้อแค่เปลี่ยนที่นอน เปลี่ยนที่กินเหล้า เมาอย่างเดียวครับแต่ก้อมีประสบการณ์มันส์ๆเยอะนะ ไปเที่ยวผับเร็กเก้มา ชื่อ บีบ็อบมันส์ดีครับได้เจอ มิดะ ด้วยแต่งชุดแดงส่งสายตาหวานซึ้งให้ผู้ชายทุกคน แม้ว่าบรรยากาศจะเปลี่ยนไปจากเดิมเยอะแต่ก้อยังสนุก ถ้าคุณสนุกกับมันนะ อย่างน้อยทางโค้งก่อนขึ้นก้อทำให้พวกผมที่ขี่รถ มอเตอร์ไซค์ ไปสนุกกันมาก มีคนเคยเปรียบปายไว้ว่า
เป็นนครเมกมะของชาวมอร์เตอร์ไซค์เมืองไทย

ความคิดเห็นที่ 41
ในมุมมองของผมนะครับ ผมว่าคุณอย่าไปโทษขาวบ้านและเมืองปายเลยดีกว่านะ ขอให้สำนึกด้วยว่า การที่เมืองปายกลายเป็นอย่างนี้ ก็เพราะพวกคุณนั่นแหละ ตัวดีนัก เที่ยวแบบคนไทย เอะอะอะไรก็จะเอานอนสบาย กินในร้าน ทุกอย่างต้องสะดวกไปซะหมด ลำบากไม่เป็น ต้องใช้รถ มีรถ ต้องนอนดี ต้องสารพัดต้อง แล้วไงครับ สุดท้ายพอนิยมกันแบบนี้ มันก็มีแต่พวกนายทุนเข้าไปจับจองสนองตัณหาพวกชาวกรุงเที่ยยวไม่เป็น ชาวบ้านเขาก็ต้องปรับตัวตามไปด้วย ไหนจะพวกผับบาร์ หน้าด้านมาด่าว่ามีแต่ผับ แล้วไปปายแล้วขออภัย ไอ้คนที่มาด่าว่าผับนั้นไม่ดี แล้วไปเที่ยวหาพระแสงอะไรล่ะ ผมรู้สึกว่าไอ้พวกที่ตอบมาทั้งหมดเน่ย เที่ยวเมืองปายแค่ในเมืองเท่านั้น เหมือนกับไปเปลียนที่กินเหล้าเท่านั้นเอง ถ้าคิดได้แค่นี้ก็นอนอยู่บ้านเถอะครับ เมืองปายไม่ได้เสียสภาพเพราะตัวมันเอง แต่มันเสียสภาพเพราะพวกคนเมืองหน้าโง่อย่างพวกคุณมากกว่า ผมไม่เห็นที่พูดกันมาในนี้จะมีคนพูดถึงที่เที่ยวรอบๆปายเลย นอกจากร้านเหล้าในเมือง แล้วก็มานั่ง ด่าๆๆๆๆๆๆ
คนไทยหน้าโง่เที่ยวไม่เป็น แล้วยังมีหน้ามาด่าคนในพื้นื่ น่าสมเพชนะครับ

ความคิดเห็นที่ 49
จากประสบการณ์ที่ไปเที่ยวปาย..มาก่อนปีใหม่
ทำให้ได้รู้ว่า "ปาย" ไม่ได้เป็นอย่างที่เค้าว่าจริงๆ
สาเหตุอาจจะเพราะ เกิด กระแส ซึ่งคนไทยเป็นพวกบ้ากระแสอยู่แล้ว แต่ไม่คิดว่า "ปาย" จะเป็นได้ถึงขนาดนั้น
จากภาพที่เรามอง เหมือนเป็นแหล่งเสื่อมโทรมมากว่าค่ะ ไม่ต่างอะไรกับถนนข้าวสารเลย ทั้งฝรั่งก็เยอะ ร้านเหล้าอีกนับไม่ถ้วน ผับ บาร์ ขณะทีเดินๆ อยู่กำลังคิดว่านี่ เราเดินอยู่ถนนข้าวสารเหรอเนี่ย
ให้คะแนนปายเพิ่มขึ้นมาอีกหน่อย อาจจะเพราะว่าเราไม่ได้ไปนอนเกสต์เฮ้าส์ หรือรีสอร์ท อะไรเหมือนที่นักท่องเที่ยวทั่วๆ ไปเค้าทำกัน เพราะเราไปกางเต้นท์นอนอยู่ริมลำธารเล็กๆ ซึ่งนับได้ว่าเป็นอะไรที่ดีที่สุดของปาย แล้ว เหมือนตัดขาดออกจากโลกภายนอก ตัดเสียงรบกวน เสียงจอแจ ออกไปได้มาก
ไม่รู้ว่าคนอื่นให้คำจำกัดความของคำว่า เที่ยวต่างจังหวัดยังไงนะ เปลี่ยนที่กินเหล้าเหรอ? เปลี่ยนที่นอนเหรอ? คุณไม่ได้ถามตัวเองก่อนที่จะออกจากบ้านเหรอค่ะว่า ในความเป็นจริงนั้นคุณอยากพักผ่อนให้กับตัวเอง อยากกินบรรยากาศ อยากเที่ยวธรรมชาติ
ถ้าคนที่อยากไปเที่ยวแม่ฮ่องสอนจริงๆ นะคะ เราแนะนำว่าให้ไปนอนที่ปางอุ๋ง หรือไม่ก็บ้านรักไทย เหมารถไป แล้วซื้ออาหาร กับข้าว ของจำเป็นไปทำทานกันดีกว่าค่ะ กางเต้นท์นอนริมบึง ได้บรรยากาศกว่าไปเที่ยวปายเป็นไหนๆ
หรืออีกที่ก็คือ จุดชมวิว ที่ ต.แม่ลาน้อย หาไม่ยากค่ะ มีที่เดียว อยู่ตรง 4 แยกพอดี ขอบอกได้ว่า ดีที่สุดในการไปเที่ยวครั้งนั้นเลยค่ะ ดีกว่าปายที่มีแต่ฝรั่ง คนเยอะ ดีกว่าปางอุ๋งที่สวย แต่คนจอแจ ไม่มีที่กางเต้นท์ เหมือนเบียดเสียดยัดเยียดกัน
ไปเที่ยวธรรมชาติไปหาที่กางเต้นท์ที่บรรยากาศดีๆ คนไม่เยอะ แล้วจะได้จักกับคำว่าเที่ยวธรรมชาติค่ะ
toe23  2008-01-15 05:25:19      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #4
พึ่งประสบพบเจอหลายสิ่งที่คุณ Banana พูดถึงเมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี้เองครับ ยังไงยังงั้น
เมา+อ๊วก+หลับ=ปาย เฮ้อ....
I_disappear  2008-01-15 07:09:22      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #5
โอ๊ว.....ท่านโกต่อ ยังไม่กลับบ้านอีกรึ
(สงสัยแอบตอบในใจว่า บ้านผมอยู่ไกล เลยไม่ต้องรีบกลับ)

ถ้าว่าง เสาร์นี้ ขี่มาแม่สอดสิครับท่าน
banana  2008-01-15 07:28:28      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #6
เมืองปายเปลี่ยนไปครับอย่างที่พี่ๆพูดกันนั้นแหละ จะไปหาเมืองปายเดิมก็เหลืออยู่แต่วัดวาอารามและก็บางสิ่งบางอย่างเล็กน้อย ความเจริญทางด้านวัตถุทำให้วัฒนธรรมถูกกลืนไปโดยไม่รู้ตัวเราน่าจะมองไปอีกอย่างนะครับล่าสุดเพื่อนผมเพิ่งไปมาครับปลายปีที่แล้วปลาเผ่า1ตัวไม่ถึงกิโลครับตัวละ180บาทน่าคิดนะครับ...อืมแต่ยังไงธรรมชาติรวมไปถึงบรรยากาศก็โอเคครับ
nongfreedom  2008-01-15 07:49:43      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #7
ตอนนี้ ยังมีอีกเมือง ที่มีลักษณะภูมิประเทศ ภูมิอากาศ วิถีชีวิตและวัฒนธรรมที่ยังสด สะอาด เหมือนๆกับปาย เมื่อซักสิบกว่าปีที่แล้ว ก็คือ เมืองน่าน เมืองสุดขอบติดชายแดนประเทศลาว

ตอนนี้ก็ภาวนา ว่าอย่าให้เมืองน่านแปรเปลี่ยนเหมือนเมืองปายเลย

สงสารภาพจิตรกรรมพื้นถิ่นที่กล่าวได้ว่า สวยงามและคลาสสิคของจิตรกรรมแนวล้านนา ที่ผนังในวิหารวัดภูมินทร์ และวัดหนองบัว
เพราะว่า ยิ่งมีนักท่องเที่ยวมาก ก็ยิ่งมีคนเข้าไปถ่ายรูปมาก แสงแฟลชของกล้องกระป๋องทั้งหลาย จะทำให้อายุของงานจิตรกรรมเหล่านั้นสั้นลง

และไม่อยากกินปลาเผา ตัวละ 180 หรือเหล้าต้มนาหมื่นสุดคลาสสิคขวดละห้าร้อย

เขียนไปเขียนมา อยากย้อนเวลาถอยไปซักปี 34 ตอนที่ไปช่วยชาวบ้านซ่อมวัด แล้วเดินไปในหมู่บ้าน เจอทุกบ้าน ยกเหล้าต้มมาให้บ้านละจอก...

รู้สึกตัวอีกทีวันรุ่งขึ้น มานอนอยู่ที่วัดแล้วครับ

banana  2008-01-15 08:12:01      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #8
ภาพนี้ หลายคนคงไม่คุ้น แต่ล้าลองดูดีๆ ตรงรูปผู้ชายสวมเสื้อสีแดง ไว้ผมทรงหลักแจว กำลังต่อบุหรี่กับแม่หญิงชาวไทลื้อ นั่นคือต้นฉบับอันสุดคลาสสิค ที่บรรดาคนเขียนรูปแนวล้านนายึดเป็นต้นแบบ นำมาก๊อปปี้เขียนขายกันเกร่อเมือง แปะอยู่ตามโรงแรม วางขายอยู่ที่ถนนคนเดิน เชียงใหม่

ผมโชคดี ได้เห็นภาพนี้ก่อนการบูรณะ เมื่อปี 2533 จำได้ติดตามาจนวันนี้

banana  2008-01-15 08:20:41      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #9
ผมไม่ขอออกความคิดเห็นเกี่ยวกับเมืองปายนะครับ

แต่โลกย่อมเจริญขึ้นๆไปเป็นเรื่องธรรมดา และ

ถ้าอยากเที่ยวแบบธรรมชาติจริงๆก็ต้องตามหาที่ใหม่ๆกันต่อไป

อีกหนึ่งที่ที่ผมว่ายังธรรมชาติอยู่คือ เวียงแหง ไปกันสิครับถ้าในใจจริงของคุณๆอยากได้ธรรมชาติกันจริงๆ
adisak BIG_5 X2  2008-01-15 08:27:14      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #10
เมืองน่าน มีประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจมากกว่าเมืองปาย มีสถานที่ท่องเที่ยว มีขนบธรรมเนียม วัฒนธรรมตามแบบของไทลื้อ ซึ่งตามหลักฐานแล้ว เมืองน่านน่าจะเกิดขึ้นในช่วงพุทธศตวรรษที่ 18 รุ่นราวคราวเดียวกับสุโขทัย เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในหุบเขา พญาภูคาได้สร้างเมืองขึ้นบนที่ราบที่มีอยู่น้อยนิดบนหุบเขา ปัจจุบันก็คือแถวๆอำเภอปัว เดิมชื่อ วรนคร หรือนันทบุรี ต่อมาเจ้าเมืองน่านได้รับพระราชทานพระบรมสารีริกธาตุจำนวน 7 องค์ มาจากกรุงสุโขทัย จึงหา สถานที่ที่เหมาะสมในการประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ จึงได้เลือกดอยภูเพียงแช่แห้ง และย้ายมา สร้างเมืองใหม่ที่เชิงดอย
ต่อมาประมาณ ปี พ.ศ. 1911 แม่น้ำน่านได้เปลี่ยนทิศทางเดิน จึงได้ย้ายเมือง อีกครั้งหนึ่งมาตั้งที่บ้านห้วยไค้ ทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำน่านซึ่งเป็นที่ตั้งเมืองน่านในปัจจุบัน

ภาพในคำตอบที่ 7 คือลักษณะการแต่งกายชองชาวน่าน ในสมัย ร.4 ซึ่งวัดภูมินทร์ได้รับการบูรณะครั้งใหญ่ สังเกตให้ดี สาวชาวน่าน(รวมถึงชาวล้านนา) สมัยก่อน ไม่สวมเสื้อครับ มีเพียงผ้าพาดบ่าผืนเล็กๆ ไว้พันให้ความอบอุ่นแก่ลำตัวชั่วงบนและจุดพึงสงวน ส่วนท่อนล่าง นุ่งผ้าซิ่นลายน้ำไหลสุดแสนจะคลาสสิค
ผู้ชายล้านนาสมัยโบราณ มีเพียง "ผ้าต้อย" หรือผ้านุ่งผืนเล็กๆที่พันรอบเอวแล้วพับทบลอดไปด้านหลัง เหน็บไว้ตรงชายเอว โชว์ลวดลายรอยสักที่สักกันตั้งแต่ข้อเท้า ไปจนถึงบั้นเอว ดำมืดไปหมด
สาวๆชาวล้านนาเมื่อก่อน จะให้ความนิยมชมชอบชายหนุ่มที่มีลายสักมากที่สุด เพราะมันคือลวดลายที่แสดงถึงความอดทน บางคนถ้าอยู่ในความหล่อระดับเทพ จะสักขึ้นไปถึงคอ

ผมเอง ตอนปี 34 เคยเจอพ่ออุ๊ยเมืองน่านคนนึง อายุตอนนั้น 90 กว่าปี ใส่กางเกงขายาวเสื้อแขนยาวมาที่วัด อาจารย์วิถี ที่สอนผมแกขอให้พ่ออุ๊ยเลิกเสื้อให้ดู ปรากฎว่า แทบหงายหลัง เพราะท่านสักดำพรึ่ดไปหมดทั้งตัว
ชนิดที่ว่า ยากูซ่าเมืองญี่ปุ่นต้องอายล่ะครับ ที่สำคัญ ที่ติ่งหู มีรอยเจาะไว้เสียบยาสูบ วงกว้างประมาณนิ้วกว่าๆ ป่านนี้ ท่านคงเสียชีวิตไปแล้วมั๊ง

บรรดาวัยรุ่น ฮิพฮอพสมัยนี้ อย่าคิดว่าท่านทันสมัยนะครับ เพราะแถวล้านนา เค้าระเบิดหู สักหมึกดำทั้งตัวกันมาเกิน 700 ปีแล้วครับ

ในภาพนี้ จะเห็นลายสักของผู้ชายได้ชัด คาดว่าหนุ่มน้อยคนนี้ กำลังถามเบอร์โทรของสาวต่างเมือง (ดูจากเสื้อที่สวม ซึ่งเป็นลักษณะเสื้อผ้าของชาวตะวันตก และคาดว่าน่าจะเป็นสาวชาวพม่า เพราะนุ่งซิ่นลวดลายของพม่า และตอนนั้นอังกฤษเข้ามายึดครองพม่าอยู่ )
banana  2008-01-15 08:43:22      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #11
ผมก็ชอบปายนะ ขี่รถไปเองทุกครั้ง ผู้คนจากหลายๆที่มารวมกัน มาแชร์ความคิดกัน เมาด้วยกัน พบรักกัน อิอิ ปีไหนไม่ได้ไปเหมือนขาดๆอะไรไปอะ ลองแวะไปเที่ยวช่วงโลว์ซีซั่น นักท่องเที่ยวน้อยๆ แล้วจะได้ความสงบแบบปายจริงๆนะครับ

Slow your's life @ PAI.
marnsura  2008-01-15 08:48:22      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #12
เวียงแหงก็เจริญแล้วครับ
naja  2008-01-15 08:57:36      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #13
ผมเอาตู้นี้ไปติดให้เขาใช้กัน ครับ
naja  2008-01-15 09:06:03      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #14
ชาวบ้านที่นี่เขาสามารถติดต่อคนภายนอกเพียงปลายนิ้วสัมผัส ครับ
naja  2008-01-15 08:58:41      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #15
บิ๊กทริปของชาวพายุปีนี้ ยกทัพไปสูดไอหมอกที่เมืองน่านกันดีกว่า

รูปนี้ ที่อช. แม่จริม ตอนปี 2001 ครับ สมัยนั้น ปู่สัจจาแกขี่ T595

หมายเหตุ : ในคำตอบที่ 12-13 ไม่ใช่ปู่สัจจานะครับ เป็นตัวปลอม เพราะของแท้ต้องโพสไขว้ คร๊าบบบบ

banana  2008-01-15 09:10:20      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #16
# 5 ท่าน Banana ครับ ผมกลับมาบ้านก่อนปีใหม่ทีนึงแล้ว แต่เห็นพวกท่านไปเที่ยวกันอีก เลยเกิดแรงบันดาลใจ(ซะงั้น) อาทิตย์ที่แล้วค่อนข้างดีครับ ปายคนไม่ค่อยเยอะเพราะเป็นวันธรรมดาด้วยกระมัง (ขนาดนั้นยังเจอดีเลย)
แต่ที่ปางอุ๋งกับบ้านรักไทยเงียบมาก ถ้าไม่นับรถเก๋ง 3-4คัน มอเตอร์ไซค์มีผมคันเดียว
เวียงแหงของพี่สัจจาถ่ายตอนเดือนมืดเหรอครับ มองม่ายเห้น......
แหะๆ ทักพี่จาี่ครับ...
I_disappear  2008-01-15 09:15:19      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #17
ขอโทษทีครับ เห็นรูปพี่แล้ว สงสัยเมื่อกี้พระอาทิตย์ไม่ขึ้น แม่สอดก็อยากไปครับ แต่ทริปเยอะเหลือเกินช่วงนี้ ขืนไปมีสิทธิ์โดนไล่ออกจากบ้านได้ง่ายๆ (เออ แต่ก็เข้าท่าเหมือนกันแฮะ)
คุณ Banana ครับถ้าพี่จาเอา R50 ไปฝากดูแลด้วยครับ
I_disappear  2008-01-15 09:21:42      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #18
สวัสดีรอบวงครับ...
ปาย.. ผมไปตอนปี 28 รถนิสสัน SD-23 ตอนเดียว นั่งไปตูดแทบฟัง หัวแดงเหมือนฝรั่ง....ล่าสุดไปดอยสามหมื่น ปี 2547 ไม่ได้ติดต่อที่พักไว้..หนาวแทบตาย...เป็นปกติของโลกครับ...กระแสไหลบ่าทางวัฒนธรรม ความเจริญก้าวหน้าของเทคโนโลยี่ต่าง ๆ .... รายได้ ผลประโยชน์ทำให้พฤติกรรมชุมชนเปลี่ยนไป... ดูอย่างเชียงใหม่ เมืองใฝ่ฝันของวัยรุ่นยุค 70 อยากจะไปเที่ยวเชียงใหม่ จีบสาวเชียงใหม่ เดี๋ยวนี้...แทบจะไม่เห็นเค้าโครงเดิม...อย่าง Banana ว่า...ขออย่าให้เมืองน่าน เป็นเหมือนเชียงใหม่ก็แล้วกัน...แต่ก็คงจะห้ามไม่ได้...ก็คงจะเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา...
ผมไปเมืองน่าน...เมื่อ 1-5 ธค. 50 ที่ผ่านมานี่เองครับ...ถนนดีมาก ๆ ไม่เหมือนเมื่อตอนสมัยเรียน ปี 28 ถนนคับแคบ..แทบจะต้องจอดตอนสวนทางกัน....เดี๋ยวนี้ในตัวเมือง หกเลนซ์แล้วครับ..
Pig06  2008-01-15 11:35:16      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #19
น้ำตกห้วยโรง น้ำตกเล็ก ๆ แต่สวยมาก ๆ ที่แพร่ ก่อนเข้าเวียงสา..น่าน..

อากาศเย็นสบายเกือบหนาว...บรรยากาศดีมาก ๆ
Pig06  2008-01-15 11:37:02      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #20
ถ้ำผานางคอย...จ.แพร่ ก่อนเข้าน่าน...
Pig06  2008-01-15 11:38:39      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #21
ไปแบบประหยัด...พักที่บ้านเพื่อน...ที่ อ.เวียงสา...ไม่ต้องเสียตังค์..อิอิ..
Pig06  2008-01-15 11:39:48      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #22
เมื่อเพื่อนเจอเพื่อน ขี้เหล้าเจอกัน...สภาพจึงออกมาเป็นแบบนี้..อิอิ
Pig06  2008-01-15 11:41:01      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #23
รุ่งเช้าไปเที่ยว ผ้าจู้...อ.นาน้อย..ผาจู้ คือ หน้าผาสองก้อน ยื่นเข้าหากัน..คนภาคกลางเรียกเพี้ยน เป็นผาชู้...เสียหายหมด.. ผวจ.น่าน ชื่อ...(จำไม่ได้..) เพื่อให้เป็นสิริมงคล จึงตั้งชื่อให้เป็น ผาเชิดชู แต่คนพื้นที่ยังเรียกว่า.."ผาจู้" เหมือนเดิม..

Pig06  2008-01-15 11:43:53      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #24
เลี้ยวซ้าย..เข้าผาจู้ อีก 16 กม. ก็ถึง....ได้เห็นทะเลหมอก..สวย ๆ ครับ
Pig06  2008-01-15 11:44:58      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #25
น้ำค้าง หมอก...แทบถ่ายรูปไม่เห็น..!?
Pig06  2008-01-15 11:46:32      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #26
วัดภูมินทร์...ที่มีภาพ.."กระซิบบรรลือโลก" (The whispering) อันเลื่องชื่อ เป็นที่รู้จักทั้งศิลปินไทยและเทศ ตามประวัติไม่ทราบว่าเป็นศิลปินท่านใดเป็นผู้วาด แต่ก็มีนักวิชาการและศิลปินชื่อดังหลายท่าน ได้ศึกษาค้นคว้า...โดยเฉพาะ อาจารย์วินัย ปราบริปู ศิลปปินเมืองน่าน เจ้าของหาศิลป์ ริมน่าน ได้ศึกษาค้นคว้า โดยพิจารณารูปภาพจากวัดหนองบัว แล้วนำลายเส้น เทคนิคการเล่นสี ตลอดจนความเหมือนระหว่างสองสถานที่นี้ ก็สันนิษฐานว่า...วัดหนองบัวบันทึกไว้ใน ปั๊บสา โบราณว่า..หนานบัวผัน เป็นผู้วาดประมาณ...พ.ศ. 2410 - 2431 ประมาณนี้..แต่วัดภูมินทร์ไม่มีประวัติบันทึกว่า.."ใครเป็นศิลปิน" แต่ตามหลักฐานที่ อ.จิรศักดิ์ เดชวงค์ญา ได้ศึกษาอ้างอิงเรื่องราวชาดก ซึ่งหากศิลปินเขียนภาพโดยยึดถือต้นฉบับคันทกุมาร ที่จาร(บันทึก) ขึ้นที่เมืองน่านเมื่อปี พ.ศ. 2435 ทั้งสองฉบับ และการพบตัวเลฃโหราว่า 1262 หรือ 1265 ก็จะตรงกับปี พ.ศ. 2443 หรือ 2446 ที่มีลักษณะการเขียนอักษรตรงกับลายมือของศิลปินผู้เขียนภาพจิตรกรรม ในวัดหนองบัว...คือ.."หนานบัวผัน" นั่นเอง..
Pig06  2008-01-15 11:56:33      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #27
ที่เล่ามานี้...เผื่อเป็นตัวเลือกครับในบิ๊กทริปปีหน้า...เมืองน่าน มีสถานที่ท่องเที่ยวไม่แพ้กับดินแดนล้านนา...นครในหุบเขา เมืองอื่น ๆ น่าสนใจมาก ๆ ครับ..ประวัติของเมืองน่านหน้าสนใจไม่น้อย...คิดว่า มีโอกาส..จะไปเที่ยวอีก...ขอบคุณครับ..
Pig06  2008-01-15 11:59:28      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #28
ขอบคุณพี่ Banana และพี่ Pig06 สำหรับเกร็ดความรู้เกี่ยวกับเมืองน่านครับ

ผมเคยไปมาครั้งหนึ่งประมาณช่วงนี้ของปีที่แล้วนี่แหละครับ เพิ่งหัดขี่รถได้ไม่นาน (คุณพี่ Sunny ก็ไปร่วมชะตากรรมด้วย) ยังถือเป็นทริปนึงที่ประทับใจอยู่เลย ได้ไปนั่งทานขนมจีนน้ำเงี้ยว อากาศสบาย ๆ สุขใจและโรแมนติกอย่างแรง

ช่วยกันนะครับ ช่วยกันทนุถนอมเมืองน่าน เมืองเล็ก ๆ ที่อุดมด้วยวัฒนธรรมพื้นเมืองและผู้คนที่น่ารัก ให้รักษาเอกลักษณ์ของเมืองไว้ให้ได้นานที่สุด
Yuth  2008-01-15 13:32:59      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #29
จริงๆ ครับ น้าไก๋ เพราะเมื่อสิ้นปี ได้โอกาสไปงานแต่งรุ่นน้องพอดี ที่จังหวัดน่าน ไปถึงก็ประมาณ ทุ่มกว่าๆ

ชอบมากๆๆ มีโอกาสจะไปอีก

ปล...มีรูปแยะมาก แล้วจะโพสเอง ให้ดูดีกว่า แต่เสียอย่างเดียว ที่ไปไม่ใช่ 2 ล้อ...
AT1497  2008-01-15 15:58:02      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #30
ป้าย บอกทางก็ ยังไม่ใหญ่ โต...ปิดบัง บรรยากาศ
AT1497  2008-01-15 15:59:06      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #31
เส้นทาง นั้น ก็ถูกใจ นักแล....

AT1497  2008-01-15 16:00:30      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #32
คุณเต่ หายไปเลยนะครับ
Ball Fazer  2008-01-16 00:59:32      แจ้งลบความเห็น


Privacy & Policy Statements Advertisement About StormClub.com Contact Stormclub.com