Register LOGIN Forget password ?
Webboard :: Member Cafe' :: 00006058
ลมยางบนท้องถนนกับสนามแข่ง ต้องใช้ต่างกันไหมคับ
อยากรู้คับว่า เวลาเราเติมลมยางบนถนน กับตอนที่ใช้ลงไปในสนามแข่ง
ต้องใช้ต่างกันไหมคับ ต้องอ่อนหรือแข็ง และแต่ละแบบจะให้ผลที่แตกต่างกันหรือไม่
อีกนิดคับแล้วเราอ้างอิงจากการแข่งรถยนต์ได้ไหมคับ
ขอบคุณคับ
Share |
ZeuS    time: 2008-06-07 03:06:52   แจ้งลบกระทู้

ความเห็นที่ #1
ปกติให้ดูที่หน้ายางก็ได้คับ หรือว่า ตรงสวิงอาร์ม โดยมาตรฐานที่เค้าบอกไว้ก็คือ 36/42 (หน้า/หลัง) แต่บ้านเรา อากาศมันร้อน ถ้าใช้เดินทางไกล ก็ประมาณ 33/36 หรือ 34/36 ก็ได้ ( ผมใช้ประมาณนี้นะคับ ) ยังไงรอผู้รู้ท่านอื่นมาเสริมอีกทีละกันคับ
K.Puen  2008-06-07 03:46:31      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #2
เรื่องยางนี่ผมก็ไม่ค่อยเชี่ยวชาญเท่าไหร่ แต่ด้วยความเข้าใจคือ ถ้าขี่สนาม ความร้อนสะสมในเนื้อยางจะสูงกว่าปกติค่อนข้างมาก ทำให้อากาศภายในยางขยายตัวเยอะ ดังนั้นจึงเติมลมน้อยกว่ามาตรฐานพอสมควรครับ

ส่วนจะเป็นเท่าไหร่นี่แล้วแต่คนครับ สำหรับผมที่เค้าบอกต่อๆ กันมาสำหรับ NC30 ขี่สนามคือหน้า/หลัง ประมาณ 26/28 - 28/30 ครับ แต่ก็ไม่เคยได้ลองจริงๆ จังๆ ซักเท่าไหร่ว่าอะไรดีที่สุด แต่ข้อสังเกตุคือเวลาเข้าโค้ง ถ้าลมน้อยไปความรู้สึกมันจะย้วยๆเหมือนพื้นถนนไม่เรียบ-เป็นคลื่น ถ้าลมมากไปมันจะหวิวๆ เหมือนไม่ค่อยเกาะถนนแล้วพาให้บานโค้ง
rider 11  2008-06-07 05:52:27      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #3
เรื่องยางนี่ผมขอเลยครับ... ส่วนมากเข้าใจผิดกันมานาน

"ลมยางควรเติมตามสเป็ครถครับ"
เหตุผลเพราะว่า ลมยางไม่ได้มีหน้าที่เพื่อให้ยางยึดจับถนนเพียงอย่างเดียว แต่มันมีหน้าที่รักษาการคงตัวของหน้ายางและแก้มยางด้วย เช่น ถ้ารถคุณมีน้ำหนักรถรวมรวมคนขี่ประมาณ 235 กิโลกรัม มีอัตราการกระจายน้ำหนักที่ล้อหน้าและล้อหลังของรถคันนั้นเป็น 50-50 ก็จะได้ประมาณล้อละ 115 กิโลกว่าๆ... ดังนั้นด้วยเหตุนี้ที่ยางทุกเส้นจึงมีตัวเลขการรับน้ำหนักระบุไว้โดยจะสัมพันธ์กับความดันลมยาง ซึ่งต้องเปิดตารางเทียบค่ากับสมุดคู่มือว่ายางรุ่นนั้นซีรีส์นั้นรับภาระน้ำหนักสูงสุดได้เท่าไหร่ และระบุค่าลมยางไว้เท่าไหร่ กรณีรถมอเตอร์ไซค์อาจจะไม่บอกตัวเลขตรงนี้ก็ให้ถือค่าแรงดันลมยางตามคู่มือประจำรถ แต่ในรถยนต์จะมีบอกเพราะว่ารถยนต์นั้นแม้ยางจะขนาดเท่ากันแต่น้ำหนักรถยนต์อาจจะต่างกันได้ระหว่าง 0-1000 กก.

ประการถัดมายางทุกเส้นจะมีระบุการรองรับความเร็วเป็นรหัสอักษรเช่น S T U H V Z R ซึ่งต้องเปิดเทียบตามสมุดคู่มือเช่น
S รองรับความเร็วสูงสุดที่ 180 กม. / ชม.
T รองรับความเร็วสูงสุดที่ 190 กม. / ชม.
H รองรับความเร็วสูงสุดที่ 210 กม. / ชม.
V รองรับความเร็วสูงสุดที่ 240 กม. / ชม.
ZR รองรับความเร็วสูงสุดตั้งแต่ 240 กม. / ชม. ขึ้นไป

อย่างเช่นถ้ายางเส้นนั้นระบุเป็น 180/55 ZR-17 ก็หมายถึงว่ายางเส้นนั้นรองรับความเร็วได้เกิน 240 กมต่อชมขึ้นไป

ที่นี้ทั้งภาระการรับน้ำหนักของยางและการรองรับความเร็วล้วนแล้วแต่ต้องการความดันลมยางที่เหมาะสม ซึ่งผุ้ผลิตรถจะระบุไว้ในสเป็คของรถอยู่แล้ว แล้วสเป็คลมยางที่ระบุก็จะสัมพันธ์กับค่าที่ผู้ผลิตยางกำหนดเอาไว้

จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเราเติมลมยางอ่อนกว่าที่ระบุในสเป็ค ?.... เดี่ยวมาว่าต่อ
gear7  2008-06-09 08:58:16      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #4
มาต่อแระ.... คุณรู้เปล่าครับว่าที่ยางมันร้อนขึ้นจากการทำงานนะเพราะอะไร... จริงๆแล้วมาจาก 2 กรณีใหญ่ๆ

1.ความร้อนที่เกิดจากเสียดสีกันโดยตรงของผิวยางที่สัมผัสกับถนนระหว่างที่รถวิ่งไป

2.ความร้อนที่เกิดจากการยืดตัว-หดตัวภายในโมเลกุลของยางทั้งเนื้อยางใต้ผิวสัมผัสและที่ "แก้มยาง" เอง

ในประเด็นแรกผมคงไม่ต้องอธิบายอะไรมาก เรารู้กันอยู่แล้วว่าอะไรก็ตามที่เสียดสันโดยตรงมันเกิดความร้อนอยู่แล้ว เลยขออธิบายในในประเด็นที่ 2 คือความร้อนที่เกิดขึ้นจากเนื้อยาง ตรงนี้เพื่อให้ภาพ ให้คุณไปหาเส้นลวดตากผ้ามาสักเส้น

ให้คุณลองจับมันหักงอกไปมาสักพักคุณจะเห็นว่า ตรงจุดที่มันหักงอไปมา จะเกิดความร้อนขึ้นจนรู้สึกได้ และยิ่งคุณหักงอมันไปมาเร็วขึ้นเท่าไหร่ความร้อนก็ยิ่งมาก จนบางทีคุณอาจจะต้องปล่อยมือเพราะมันจะร้อนจนจับมันต่อไปไม่ไหว... นั่นแหละครับคือประเด็นที่เรากำลังพูดถึง

โดยปกติความร้อนที่เกิดจากผิวยางกับถนนเป็นความร้อนที่โรงงานคำนวนไว้แล้ว แต่เมื่อคุณเติมลมยางอ่อน เนื้อยางส่วนที่เป็นโครงสร้างของยางและเนื้อยางจะเสียดสีกันในระดับโมเลกุลอย่างรุนแรง จนสร้างความร้อนขึ้นมากกว่าที่เกิดขึ้นกับการเสียดสีภายนอก โดยเฉพาะในส่วนของแก้มยางซึ่งออกแบบมาให้ยืดหยุ่นตัวยมากกว่าส่วนผิวยาง ยิ่งรถคุณมีน้ำหนักทั้งรถและคนขี่บวกกับแรงจีมากดแก้มยางเอาไว้แก้มยางก็ยุบตัวและยืดตัวด้วยระยะที่มากขึ้นเวลามันสัมผัสพื้น ความร้อนสะสมตอนนี้แทนที่จะเกิดเท่าๆกันทั่วเส้นยางมันจะเกิดเฉพาะแก้มยาง ดังนั้นตอนนี้ยางที่เติมลมยางอ่อนเกินไปจะร้อนมากกว่ายางที่เติมลมตามสเป็ค ถ้าคุณฝืนใช้แบบนี้ต่อไปยางอาจจะระเบิดได้ (ระเบิดจากแก้มยาง)

จากเหตุผลข้างต้นเรารู้หรือยังครับว่า เราเติมลมยางไว้ทำไม...

สำหรับยางเรเดียล เราเติมลมยางเพื่อรักษาโครงสร้างของยางให้คงตัว พูดง่ายๆ ก็คือเราใช้แรงดันของอากาศในยางเป็นเสาค้ำหน้ายางที่ต้องรับทั้งน้ำหนักและแรงเค้นจากแรงกระทำต่างๆที่เกิดขึ้น โดยแก้มยางจะทำหน้าที่เป็นสปริงดูดซับแรงสะเทือนเอาไว้ แต่ถ้าแก้มยางยืดหยุดได้มากเกินไปมันจะทำลายโครงสร้างของยางทั้งหมด

เหตุผลที่คนที่ไม่รู้ข้อเท็จจริงชอบบอกให้เติมลมยางอ่อนๆ ก็เพราะคิดแค่ว่าจะช่วยหน้าสัมผัสของยางให้มากขึ้นจะได้จับถนนมากขึ้น ซึ่งอันนี้ถูกแต่ไม่ทั้งหมด เมื่อคุณเติมลมยาง"อ่อน"กว่าสเป็คของยางหรือสเป็คของรถ ยางจะมีพื้นที่จับถนนมากขึ้นก็จริง แต่ก็เหมือนคุณไปทุบเสาโครงสร้างของบ้านออก ภาระการรับน้ำหนักมันจะหายไป แก้มยางจะยืดหยุ่นตัวมากเกินไปนอกจากจะเกิดความร้อนและทำลายยางแล้ว ผลที่เห็นเด่นชัดทันทีคือรถคุณจะเสียความมั่นคงมีอาการย้วย หน้าดิ้นท้ายดิ้น

แทนที่คุณจะไปลดความดันลมยางแบบมั่วๆโดยไม่มีตารางเปรียบเทียบ คุณควรจะใส่ใจกับคุณภาพของยางที่จะเลือกใช้มากกว่า... ยางที่ติดรถมามันออกแบบไว้ใช้กับถนนเป็นหลัก แต่เมื่อคุณเอามาขี่สนามมันอาจจะไม่เหมาะ คุณเอายางถนนไปขี่สนามแล้วหวังจะให้มันเกาะเหมือนยางที่ใช้แข่งมันไม่มีทางหรอกครับ ยางที่ยิ่งเกาะถนนมากๆ อายุการใช้งานจะยิ่งสั้น ยางสลิกที่เอามาใช้แข่งขัน แต่บางคนดันทะลึ่งเอามาเซาะร่องขี่กันบนถนน... รู้กันหรือเปล่าครับว่ายางแข่งพวกนั้นหลังจากเปิดหน้ายางใช้งานแล้วส่วนมากมันมีอายุไม่เกิน 200 กิโลเมตรหรือไม่เกิน 20 ชม. โดยประมาณเท่านั้น
gear7  2008-06-07 14:53:42      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #5
จากที่ว่ามาทั้งหมดผมขอสรุปแบบนี้...

การเติมลมยางให้ถูกต้อง(สำหรับมอเตอร์ไซค์)

-.ต้องเติมลมยางตามสเป็ครถขณะที่ยางยังเย็นหรือยังไม่ได้ใช้งาน
-.เพิ่มหรือลดความดันลมยางให้สัมพันธ์กับน้ำหนักของรถ(น้ำหนักพร้อมเดินทางและผู้โดยสาร)
-.เมื่อขับขี่ด้วยความเร็วสูงควรเพิ่มลมยางมากกว่าอัตราปกติ 2-3 ปอนด์
-.อย่าวัดค่าลมยางและปล่อยลมยางเมื่อยางร้อนหรือเมื่อพึ่งเสร็จการใช้งานทันทีเพราะความร้อนที่เกิดขึ้นจะทำให้ยางร้อนกว่าปกติ 3-5 ปอนด์ได้แต่จะลดลงเป็นปกติเมื่อยางเย็น

การเติมลมยางอ่อนกว่าค่ากำหนดยังทำให้รถมีอัตราบริโภคน้ำมันสูงกว่า และวัดความเร็วเพี้ยนด้วยยิ่งเติมยางอ่อนมากเท่าไหร่ไมล์วัดความเร็วก็ยิ่งอ่อนและกินน้ำมันเพิ่มขึ้นเท่านั้น

ที่กล่าวไปทั้งหมดไม่ว่าคุณจะเอายางติดรถไปขี่บนถนนหรือสนามแข่ง ก็ควรเติมลมยางตามสเป็ค... แล้วก็ต้องเข้าใจว่ายางถนนคือยางถนนไม่ใช่ยางสนาม ถ้าคุณจะเอาบู๊แบบสุดๆ ควรหายางที่ใช้ในสนามมาเปลี่ยนใช้แทน

และถ้ารถคุณไปตกแต่ง โดยทำการถอดอุปกรณ์ติดรถออกจนน้ำหนักเบาลง ก็ควรจะนำรถไปชั้งน้ำหนักแล้วเอาค่าที่ได้ไปเลือกยางที่เหมาะกับน้ำหนักรถของคุณ ซึ่งตรงนี้คุณจะต้องเติมลมยางตามสเป็คของยาง ไม่ใช่ค่าสเป็คของรถครับ... ร้านยางดังๆ แถววงเวียน 22 ทั้งสองร้านที่เป็นตัวแทน เขาจะมีตารางเปรียบเทียบค่าช่วยเลือกยางที่เหมาะสมให้คุณได้ครับ

และขอเถอะครับนักขี่รถทั้งหลาย... ประเภทเอายางสลิกหมดสภาพมาขี่ถนน เอายางเปอร์เซ็นหรือยางหมดอายุ(เกิน 3 ปีแม้ดอกยางยังเต็ม)มาขี่ใช้งาน.... "อันตราย"

gear7  2008-06-07 14:59:59      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #6
กระจ่างครับ ขอบคุณ พี่ Gear7 คร้าบบบบบ
Oum@GSXR1000  2008-06-07 12:28:29      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #7
มาเพิ่มเติมเรื่องยางนิดนึง เมื่อก่อนนี้ผมมักจะฟังคนเล่นรถบางคน ที่ชอบบอกว่ารถเขาเดิมๆ 400 ซีซี วิ่งทะลุไมล์ 24-25 ผมบอกไม่มีทางยังไงก็ไม่มีทางเกิน 210 ไม่ต้องเอาเรด้าไปจับความเร็วหรอกครับ ผมแค่เปิดสเป็คยางของรถรุ่นนั้นผมก็พอรู้แล้วว่ารุ่นนั้นวิ่งได้เต็มที่ไม่เกินเท่าไหร่ เอาง่าย ๆ ไปดูสิครับสเป็คยางรถขนาด 400 ซีซี มีรุ่นไหนเกินรหัส "H" หรือเท่ากับความเร็วจริงสูงสุดไม่เกิน 210 กม. ชม. บ้าง .....? ดังนั้นฟันธงได้เลยไอ้ที่บอก "แตนๆ" วิ่งได้ขนาด 24-25 นะแรงโม้ทั้งเพ
gear7  2008-06-07 12:42:45      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #8
ไม่เกี่ยวกับยางครับ แต่อยากรู้ว่าทำไมเวลา คำตอบที่ #5 กับ คำตอบที่ #6 มันถึงเวลาย้อนกลับได้อะ ( คต.5 ผู้ตอบ gear7วันเสาร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2551 เวลา:: 21:59:59) คต.6 ( ผู้ตอบ Oum@GSXR1000 วันเสาร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2551 เวลา:: 19:28:29) งงจิงๆ
olek_lusney  2008-06-07 21:42:43      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #9
เวลาที่ปรากฏคือเวลาที่มีการแก้ไขความเห็นล่าสุดครับ ก็คือหลังจากเขียนคำตอบไว้แล้วผมกลับมาเขียนแก้ไขคำผิดภายหลังไงครับ....


สมาชิกทุกคนก็ทำได้ครับหลังจากล๊อกอินแล้ว ความเห็นใดๆ ที่คุณตอบมองในมุมขวาที่ตัวคำถามหรือคำตอบจะมี "แก้ไขคำตอบ" หรือ "แก้ไขคำถาม" ครับ
gear7  2008-06-08 01:59:21      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #10
get แล้วครับ
olek_lusney  2008-06-08 17:14:34      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #11
กระจ่างครับ
ขอบคุณมาก ๆ ครับ ได้ความรู้อีกเยอะเลยจิง ๆ มีประโยชน์มาก ๆ
ZeuS  2008-06-10 04:44:14      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #12
น้าเกียร์7

น้าหาเวลาว่างมาทำหนังสืออีกครั้งเถอะครับ

พลีสสสสสสสสส
เค้าเอง  2008-06-15 12:02:13      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #13
ขอบคุณครับ ความรู้ล้วนๆ
Toh1345  2012-11-05 18:16:09      แจ้งลบความเห็น


Privacy & Policy Statements Advertisement About StormClub.com Contact Stormclub.com