Register LOGIN Forget password ?
Webboard :: Riding Course :: 00011436
PAGE 1 OF 4
GO TO PAGE
ก้าวที่สำคัญ..สู่...The Ultimate Riding Course
ก่อนอื่นใด คงต้องขอขอบคุณเพื่อน พี่ น้อง ชาวพายุทุกท่านที่ถามไถ่รวมถึงให้กำลังใจในก้าวเล็กๆ แต่เป็นก้าวที่สำคัญของเราทุกคนในครั้งนี้ครับ

จากการที่เราชาวพายุได้ริเริ่ม และลงมือปฏิบัติในการช่วยกันสร้างกิจกรรมเสริมทักษะการขับขี่ที่ใช้ชื่อว่า Storm Riders Riding Course ในระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเรานำเอา "ประสบการณ์จริง" จากการขับขี่มาเป็นจุดเริ่มต้นในการคิด แล้วต่อยอดด้วยการใส่ระบบการจัดการเข้าไป จนกลายเป็นคอร์สสอนการขับขี่ที่เป็นเอกเทศ มีความหลากหลายในเนื้อหาซึ่งสามารถตอบโจทย์ได้กับรถทุกชนิด โดยไม่ยึดอยู่กับค่ายรถค่ายใดค่ายหนึ่ง

ตลอดเวลาห้าปีที่ผ่านมา กิจกรรมนี้ได้สอนให้เรากล้าที่จะโต กล้าที่จะสร้างก้าวใหม่ที่สร้างสรรค์สังคมผู้ขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ของเมืองไทย จากกำลังใจและการตอบรับเข้าร่วมกิจกรรมจากเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ทุกคน

และในขณะเดียวกัน ห้าปีที่ผ่านไปก็สอนให้เรารู้จักแสวงหาหนทางในการพัฒนาที่ยั่งยืนยิ่งขึ้น บนอุปสรรคที่ถาโถมเข้ามาทั้งจากเรื่องต้นทุนการจัดการที่ต้องรัดเข็มขัดจากสภาพเศรษฐกิจและสังคม ปัญหาเรื่องบุคคลากร เป็นต้น แต่ทีมทำงานทุกคนก็ยังมีจิตใจมุ่งมั่นเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันที่จะจับมือกันเพื่อพัฒนาแนวทางเดินนี้ของเราให้ดียิ่งขึ้น

เหตุผลมีเพียงข้อเดียว นั่นก็คือ "เพราะมอเตอร์ไซค์เป็นสิ่งที่เรารัก" เราจึงอยากให้ทุกคนในสังคมเกิดทัศนคติด้านดีเกี่ยวกับมอเตอร์ไซค์ หนทางเดียวที่เราจะทำความฝันให้สำเร็จ นั่นก็คือ เราต้องสร้างแนวทางเดินที่สร้างสรรค์เกี่ยวกับการขับขี่นั่นเอง

Share |
banana    time: 2010-04-25 10:37:18   แจ้งลบกระทู้

ความเห็นที่ #1
ก้าวเดินก้าวนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้าไม่มีชายที่อยู่ซ้ายมือในภาพครับ
Mr. Kentaro Ninbu ซึ่งแอบกระซิบภายหลังกลับจากมาขี่รถกับเราในเมืองไทยเมื่อปี 2003 ว่าขอตั้งสาขาชาวพายุที่ญี่ปุ่น และตลอดเวลา 7 ปีที่ผ่านมา เคนทาโร่เลือกที่จะใช้วันหยุดประจำปีที่มีอย่างน้อยนิดตามวิถีชีวิตการทำงานอย่างบ้าคลั่งของคนญี่ปุ่น ด้วยการมาขี่รถกับชาวพายุที่เมืองไทยทุกปี ซึ่งเคนทาโร่มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนเรา นั่นก็คือ "รักมอเตอร์ไซค์" ครับ

ปัจจุบัน เคนทาโร่อยู่ในตำแหน่ง General Manager ดูแลงานเกี่ยวกับ Public Relation และงานสื่อ ให้กับ Red Baron สำนักงานใหญ่ ซึ่งมีโชว์รูมจำหน่ายและให้บริการครบวงจรอยู่ 300 สาขา ทั่วเกาะญี่ปุ่น รวมไปถึงสาขาในอีกหลายประเทศทั่วโลก

สี่ปีที่ผ่านมา Red Baron ได้ริเริ่มแนวทางในการตอบแทนลูกค้า ด้วยการซื้อกิจการสนามแข่งรถแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ทางด้านเหนือของโตเกียว ไกลออกไปเกือบสองร้อยกิโล บนเทือกเขา Nasu และได้พัฒนา ปรับปรุงทุกอย่างทั้งหมดเพื่อสร้างเป็นพื้นที่รองรับกิจกรรมเกี่ยวกับการขับขี่ให้กับลูกค้าซึ่งมีอยู่จำนวนมหาศาลในประเทศญี่ปุ่น หนึ่งในกิจกรรมที่สนามนาสึจัดขึ้นก็คือคอร์สสอนการขับขี่ โดยมีการว่าจ้างมืออาชีพที่มีประสบการณ์ระดับแนวหน้าคนหนึ่งของญี่ปุ่น พ่วงท้ายด้วยดีกรีประสบการณ์การลงแข่งออลเจแปน และซูซูก้า 8 ชั่วโมง ถึง 19 ปี ให้มาเป็นผู้ดูแลคอร์สสอนการขับขี่ จนกระทั่งได้รับการยอมรับในวงการๆขับขี่ของประเทศญี่ปุ่นว่ามีมาตรฐานในระดับที่สูง และที่สำคัญก็คือ สามารถตอบโจทย์ให้กับการขับขี่เพื่อการท่องเที่ยว การใช้งานประจำวัน ด้วยความหลากหลายของรถทุกค่าย เครื่องยนต์ทุกประเภท สไตล์รถทุกแบบ ซึ่งนั่นคือสิ่งที่เราคิดตรงกัน ดีลสำคัญครั้งนี้จึงเริ่มดำเนินการตั้งแต่เมื่อช่วงต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมาที่เคนทาโร่มานั่งทานข้าวผัดฝีมือหนูดาว

บุคคลสำคัญอีกท่านหนึ่งที่อยู่เบื้องหลังกิจกรรมในครั้งนี้ก็คือ คุณวิกรม มนตรีโชค พรือพี่ไก่ที่ทุกคนในวงการรสองล้อคันโตบ้านเรารู้จักดี พี่ไก่ซึ่งอยู่ในตำแหน่งผู้จัดการของ Red Baron Bangkok ได้เป็นตัวกลางในการประสานงานทุกๆเรื่อง กับทาง Red Baron สำนักงานใหญ่ที่ประเทศญี่ปุ่น เพราะเอกสารทุกอย่างต้องใช้ภาษาญี่ปุ่นล้วนๆ นั่นเอง

ขอบคุณทุกท่าน ที่มีส่วนร่วมให้ก้าวๆนี้ของเราชาวพายุสามารถเกิดขึ้นได้ และประสบความสำเร็จอย่างดียิ่ง


banana  2010-04-20 13:15:57      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #2
เราออกเดินทางจากเมืองไทยกัน 3 สาย ตั้งแต่เช้าตรู่วันพฤหัสบดีที่ 8 เมษายนที่ผ่านมา จนกระทั่งทุกคนเข้าพักในโรงแรมที่เมืองนาสึในตอนค่ำของวันศุกร์ที่ 9 และเดินทางสู่สนามแข่งนาสึในตอน 07.30 น.ของวันเสาร์ที่ 10 เมษายน ตามเวลานัดหมายที่จะเริ่มกิจกรรม ว่ากันที่ 08.00 - 17.00 น.

เคนทาโร่ ออกเดินทางตามมาจากเมืองโอกาซากิ ซึ่งเป็นที่ตั้งของ Red Baron สำนักงานใหญ่ ตอนสามทุ่มของวันศุกร์ ขับรถฝ่าสายฝนบนภูเขาจนกระทั่งถึงโรงแรมที่เราพักตอนตีสอง แล้วตื่นมาตอน 06.30 น. ตามเวลานัดหมายกับชาวพายุ ท่ามกลางอุณหภูมิขณะนั้น 8 องศา

พอเข้าถึงสนาม สายตาก็ปะทะเข้ากับฝูงรถที่ Red Baron จัดเตรียมไว้ให้ทีมชาวพายุใช้งานตลอดสองวันนี้ ซึ่งมีครบทุกประเภท ทุกรส ตามออเดอร์ที่เคยแจ้งกับเคนทาโร่ไปก่อนหน้านี้



banana  2010-04-20 13:13:31      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #3
เราทุกคนที่อยู่ในสนามนาสึในวันนี้ คือคนไทยกลุ่มแรกที่มีโอกาสได้ข้ามฟ้ามาตักตวงวิชาความรู้นอกประเทศด้วยทุนส่วนตัวบวกกับความบ้าในมอเตอร์ไซค์ ซึ่งหลายคนต้องตอบคำถามกับคนใกล้ตัวว่า "ไปเพื่ออะไร ในเมื่อก็ขี่เป็นกันอยู่แล้ว"

วัตถุประสงค์ของทุกคนที่มุ่งมั่นเหมือนกันก็คือการเติมเต็มส่วนที่ขาด ต่อยอดในความถูกต้อง ปิดจุดบกพร่องจากการถ่ายทอดความรู้โดยมืออาชีพตัวจริง ผสมผสานทุกอย่างเข้าด้วยกันอย่างสมดุลย์ เพื่อนำมาถ่ายทอดให้กับเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ชาวพายุทุกคนที่มีแนวคิดเหมือนกับเรา

วันนี้ ทุกคนต้องถอดหัวโขนความเป็นครูที่เป็นอยู่ในเมืองไทย แล้วใส่สถานะนักเรียนที่เปิดสมองรองรับวิชาความรู้ รวมไปถึงการซึมซับกรรมวิธีในการบริหารจัดการกิจกรรมจากมืออาชีพ เพื่อนำไปพัฒนา และยกระดับกิจกรรม Riding Course ของเราในเมืองไทย

"ไม่มีคำว่าช้าเกินไปสำหรับการเปิดใจยอมรับการเรียนรู้ เพราะตราบใดที่เราคิดว่าเราเก่งแล้ว นั่นคือหายนะทางความคิดกำลังมาเยือน"
banana  2010-04-20 13:25:56      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #4
ยังพอมีเวลาว่างก่อนถึงเวลานัดหมายเริ่มกิจกรรม ก็ชักชวนกันออกเดินยืดเส้นบนแทรครอบสนาม ท่ามกลางสายลมหนาวที่อุณหภูมิ 13 องศา

ระหว่างเดิน สายตาของทุกคนก็ช่วยกันตรวจตราดูเหลี่ยม ดูไลน์ ตรวจเช็คอุปสรรคบนพื้นผิว เพราะสนามแห่งนี้เพิ่งเปิดทำการวันนี้เป็นวันแรกของปี ภายหลังจากปิดสนามเป็นเวลาหลายเดือนเนื่องจากหิมะตกหนักในฤดูหนาว

พื้นแทรคยังแลดูฉ่ำๆ ด้วยความเย็นที่สะสมจากหิมะ
banana  2010-04-20 14:14:16      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #5
กลับมาตรวจดูรถที่ทาง Red Baron จัดเตรียมไว้ให้เราในครั้งนี้กันครับ

จากการคุยทางอีเมล์ เคนทาโร่แจ้งแค่รุ่นรถมาให้เราทราบ แต่คาดไม่ถึงว่าจะจัดรถใหม่กุ๊กกิ๊กสภาพแต่ละคันยังไม่เกิน 300 กิโลเมตรบนเรือนไมล์

ตะลึงพรึงเพริดกันไปทั้งก๊วนครับ