Register LOGIN Forget password ?
Webboard :: Travel :: 00015863
PAGE 1 OF 10
GO TO PAGE
========== มิ ต ร . . . รั ก . . . ซ า ป า ===========
การเดินทางของกลุ่มคนเล็ก ๆ หัวใจใหญ่ ด้วยรถมอเตอร์ไซด์ จากเมืองไทย ถึง ซาปา เวียดนามเหนือ

ในความเป็นจริงแล้ว การเดินทางไปเที่ยว เมืองซาปา ไม่ใช่สิ่งที่ยากเย็นอะไร หรือลำบากแค่ไหน แค่นั่งเครื่องบิน จากกรุงเทพฯ ไปลงที่ กรุงฮานอย และนั่งรถไฟอีก 1 คืน ไปลงที่เมือง ลาวชัย และนั่งรถโดยสารอีกแค่ ไม่เกิน 1ชั่วโมง คุณก็สามารถไปถึงเมือง ซาปา ได้อย่างง่ายดาย และที่สำคัญ คุณเสียค่าใช้จ่ายไม่มากด้วยครับ

แต่สำหรับคนที่มีหัวใจสองล้อนี่สิครับ และรักชีวิตในการเดินทาง ผจญภัย กับเส้นทางที่ท้าทาย จึงทำให้เกิดทริปนี้ขึ้นอีกครั้ง
ที่กล่าวว่า เกิดทริปนี้ขึ้นอีกครั้ง เพราะว่า พวกเราไม่ใช่กลุ่มแรกที่เดินทาง ด้วยรถมอเตอร์ไซด์ หรือกลุ่มคนไทยกลุ่มแรก ที่เดินทางแบบนี้ แต่ ผมว่าคราวนี้น่าจะเป็นการบันทึกภาพ ได้มากที่สุด เท่าที่เคยมีการเดินทางเข้ามา เพราะว่า คราวนี้ ผมเอง เฉาก๊วย จำนาญศิลป์ ร่วมเดินทางมาด้วยในทริปนี้ และผมเองก็มักจะไม่ปล่อยให้ ความงดงามตามธรรมชาติ ผ่านสายตาไปแบบเฉย ๆ ไม่มีเรื่องราว หรือเก็บไว้แค่ความทรงจำ ไม่เอาครับ ถ้าเห็นวิวสวย ๆ ต้องบันทึกภาพเก็บไว้ เพราะภาพถ่าย ช่วยบันทึกความทรงจำได้อย่างดีเยี่ยม

มิตร หมายถึง ในการเดินทางทริปใหม่ ๆ แบบนี้ ผมแค่ได้รู้จักเพื่อนเพิ่มแค่หนึ่งท่าน สำหรับผม ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว เพราะเราได้มิตรภาพเพิ่มขึ้น แต่ครั้งนี้ผมเอง ได้มิตรภาพเพิ่มขึ้น อย่างเกินความคาดหมาย และทุก ๆคน ก็ได้รับมิตรภาพเพิ่มเติมด้วยเช่นกัน

รัก หมายถึง กลุ่มคนเล็ก ๆ กลุ่มนี้แหละครับ ที่มีหัวใจรักในชีวิตสองล้อ และรัก ในการเดินทางในรูปแบบนี้ และทุกๆ ครั้งที่ได้เดินทาง พวกเรามีความสุข แบบที่ใคร ๆ ก็ต้องอิจฉา

ซาปา หมายถึง เมืองจุดหมายปลายทางที่พวกเราต้องไปให้ถึงด้วยรถ มอเตอร์ไซด์ ไม่ว่าจะเจอะเจอ เส้นทางแบบไหน อุปสรรคอะไรขว้างกั้น และยิ่งไปกว่านั้น เส้นทางกว่าจะถึงเมืองนี้ ก็มีความงามไม่น้อยกว่า จุดหมายปลายทาง ที่ทำให้พวกเรา หัวใจพองโต ตลอดการเดินทาง

Share |
เฉาก๊วย    time: 2013-02-09 06:13:24   แจ้งลบกระทู้

ความเห็นที่ #1

เมื่อสามปีที่ผ่านมา ผมได้รับโทรศัพท์ จากวัยรุ่นบี รุ่นน้องผมจากเมืองน่าน ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการจัดทริปแบบนี้ขึ้น ได้ชักชวนผม ตั้งแต่ปี 2010 และทุก ๆ ปีที่ผ่านมา วัยรุ่นบี ชักชวนผมทุก ๆครั้ง แต่ผมเอง ไม่สามารถที่จะไปได้ครับ ด้วยภาระกิจ ที่ไม่สามารถจะจากไปได้จริง ๆ

เพราะการเดินทางในแต่ละครั้ง ต้องใช้เวลาถึง 10 วัน ทั้งไปและกลับจนถึงเมืองไทย
แต่เมื่อปลายปีที่แล้ว ผมได้รับโทรศัพท์จากวัยรุ่นบี "ควรจะไปได้แล้วนะครับพี่" พอได้ยินคำพูดแบบนั้นแล้ว และยิ่งพอรู้เวลาการเดินทางด้วย ซึ่งจะมีการเดินทางกันในเดือน มกราคม 2556 ซึ่งในเดือนนี้ส่วนตัวผมเอง พอที่จะมีวันว่างอยู่บ้างครับ ก็เลยตัดสินใจว่า ซาปา คราวนี้ เราได้บันทึกภาพร่วมกันอย่างแน่นอน

ในที่สุดครับ ผมได้เคลียร์ทุกเรื่องราวเพื่อทริปนี้จนได้ครับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน เรื่องส่วนตัว ทุก ๆ อย่าง เปิดทางให้ผมได้เดินทางไปบันทึกเรื่องราวในทริปนี้

วันที่ 19 มกราคม 2556 เป็นวันที่ทุก ๆ ท่่านที่จะเดินทาง ต้องไปเจอกันที่ จ.น่านครับ แต่สำหรับผมแล้ว การเริ่มต้นของผมก็คือ การออกจากบ้านนั่นแหละครับ คือการเร่ิมเดินทาง ไปสู่ ซาปา

วันนี้ในระยะทางเกือบ 700 กิโลเมตร ผมมีผู้ร่วมเดินทางที่จะออกจากกรุงเทพฯไปด้วยกันอีก 3 ท่านครับ ซึ่งพวกเราคุยกันว่า จะไปเรื่อย ๆไม่รีบร้อนมาก เพราะผมเอง ก็อยากเก็บภาพบรรยากาศ การเดินทางให้ได้มากที่สุดครับ
เฉาก๊วย  2013-02-09 06:15:25      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #2
จุดหมายแรกของพวกเราคือปั๊มน้ำมัน ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา วันนี้เรานัดหมายกันค่อนข้างที่จะเช้าหน่อยครับ 06:00 เพราะว่าถ้านัดสายกว่านี้ รถจะเยอะมากขึ้นครับ และยิ่งออกมาจากกรุงเทพฯด้วยแล้ว ยิ่งรถเยอะครับ ที่สำคัญ จ.พระนครศรีอยุธยา มีนิคมอุตสาหกรรมเยอะ ยิ่งสาย จะติดรถที่ รับส่ง พนักงาน จำนวนมาก
ตื่นเช้าหน่อย แต่ขับขี่สบาย ๆครับ นักเดินทางทุกคน ค่อนข้างจะมีวินัยครับผม ก่อนเวลาที่นัดหมาย พวกเรามาเจอกันครบ และไม่เสียเวลาครับ เติมน้ำมันเต็มถัง และขี่ออกเดินทางทันที เนื่องจากว่า พวกเราจะมาเติมพลังให้กับผู้ขับขี่ ที่ เล็ก ต้มเลือดหมู จ.สิงห์บุรี ซึ่งเป็นร้านอาหารเช้าที่เหมาะมาก ๆ สำหรับนักเดินทางครับ (มีอาหารให้เลือกมากมายหลายอย่าง) ครบตามความต้องการ
วันนี้เป็นวันที่ อากาศเย็นมาก ๆครับ เย็นที่สุดเท่าที่ผมขี่รถมาทั้งปีที่ผ่านมาเลยครับ ทำให้หัวใจของผม และพรรคพวก สูปฉีดอย่างเต็มเปี่ยม และขับขี่กันแบบสบาย ๆ แวะบันทึกภาพกันเป็นระยะ ๆ
เฉาก๊วย  2013-02-09 06:18:49      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #3
เนื่องจากการเดินทางในวันนี้ พวกเราออกกันแต่เช้า ทำให้มีเวลาที่จะโอ้เอ้ อะไรบ้าง หรือ เรื่อยเปื่อยได้บ้าง ผมเองเห็นท้องฟ้ากำลังสวย ๆ ก็เลยแวะเข้าเส้นทางเข้าหมู่บ้าน ที่อยู่ริมทางสายเอเชียนี่แหละ

แค่เลี้ยวเข้าไปไม่กี่ร้อยเมตรครับ (หลบเสาไฟฟ้า) ก็จอดรถบันทึกภาพกันเป็นที่ระลึกซะหน่อย เพราะว่าอากาศเย็นสบายจริง ๆ
เฉาก๊วย  2013-02-09 09:21:55      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #4
ตามสูตรครับ ความสนุกสนาน ถ้ายืนอยู่เฉย ๆ มันดูไม่ค่อยสนุกครับ นายแบบของผมก็เลยต้องแสดงท่าทางอย่างที่เห็นกันนี่แหละครับ เล่นเอาเหงื่อออกได้เหมือนกันครับ เพราะผมเองก็ให้กระโดดกันหลายครั้งอยู่เหมือนกันครับ
เฉาก๊วย  2013-02-02 13:26:33      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #5
ไหน ๆ ก็จอดกันแล้ว ผมเองบันทึกภาพทั้งปกติ และแบบ อินฟาเรด เพื่อไม่ให้เสียโอกาส ถ่ายทั้งสองแบบกันเลยครับ ฉะนั้นแล้ว ถ้าเห็นภาพขาวดำ สลับไปมา ก็ไม่ว่ากันนะครับ จะได้ไม่เบื่อกันด้วยครับผม
เฉาก๊วย  2013-02-02 13:28:29      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #6
เรื่อยเปื่อยจริงๆ ครับทีมผม แม้กระทั่ง สัญลักษณ์ของแต่ละจังหวัด ผมเองแทบจะจอดถ่ายกันซะหมดครับ เพราะว่า เวลาผ่านไป สิ่งเหล่านี้อาจจะชำรุดเสียหาย ทรุดโทรมกันไป ก็มีเยอะนะครับ

สำหรับผมเอง สิ่งเหล่านี้ถือว่าเป็นเสน่ห์ริมทาง ที่ไม่ควรผ่านไปเฉย ๆ ครับ
เฉาก๊วย  2013-02-02 13:33:15      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #7
ตอนนี้พี่อาทิตย์เริ่มทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ด ไม่รู้จักเหนื่อย อย่างกับอยู่กับทีมงานของ ป๊าแหงมเลย (จะมีใครเข้าใจหรือเปล่า) ไม่ว่ากัน ไม่เข้าใจค่อยถามกันเนอะพี่น้อง
แดดเร่ิมแรงครับ จากสี่แยก อินโดจีน จ.พิษณุโลก ผมเห็นกลุ่มสองล้อ กลุ่มใหญ่เลยครับ กำลังออกจากสี่แยกนี้ มุ่งหน้าสู่ จ.น่าน เหมือนกันกับพวกเรา
แต่พวกเราขอแวะหลบแดด และเติมพลังให้ทั้งคน และรถก่อนครับ ก่อนที่จะไปเจอกันเส้นทางที่ ทรมาน หัวใจนักขับขี่ เส้นทางหลวงหมายเลข 11 จ.พิษณุโลก ถึง จ.อุตรดิตย์ เนืองจากเส้นทางเส้นนี้ ตรงอย่างเดียวเลยครับพี่น้อง ตรงถึงขนาดมีป้ายใหญ่ ๆ ข้างทางบอกว่า "ระวังหลับใน"
เฉาก๊วย  2013-02-02 13:39:35      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #8
หลังอาหารกลางวัน ในช่วงบ่าย ๆ สำหรับนักเดินทางครับ ผมขอแนะนำว่า ช่วงกลางวันอย่าทานเยอะนะครับ เพราะอาการง่วงจะมาเยือนอย่างแน่นอนครับ
ระยะทางเกือบ 100 กิโลเมตร แถบจะเป็นไม้บรรทัดนั้น ทำเอาผมเอง ต้องแหกปาก ร้องเพลงไปหลายเพลงเลย (เสียงจะกังวาลอยู่ในหมวกกันน๊อคนี่แหละครับ) ก่อนที่จะพ้น จ.อุตรดิตย์ ผมเอง หาวแล้ว หาวอีก น้ำตาไหลเลยครับ ขยับตัวหลายครั้งมาก ก็ยังง่วงอยู่
แต่ในที่สุดความง่วงก็หายไปอย่างปลิดทิ้ง เพราะผมมีความรู้สึกว่า รถผมจะล้ม มือผมที่จับแฮนด์รถอยู่ เหมือนกับผมชกมวย แย็บซ้าย แย็บขวา หลายครั้งมาก
จนผมเองประคองรถเป็นปกติครับ และเห็นรถยนต์คันหนึ่งที่กระแทกผม ผ่านไปแบบว่า ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
พี่น้องของผมที่ตามมาข้างหลัง เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างครับ และรีบขี่ตามไปจนทันครับ และรีบบอกให้รถคันดังกล่าวจอดก่อน เพื่อพูดคุยกันหน่อย
เปิดกระจกมาเป็นคุณลุงอายุประมาณ 60 และมีคุณป้านั่งอยู่ด้านข้าง
เฉาก๊วย : คุณลุง เมื่อสักครู่คุณลุง เฉี่ยวรถผมนะครับ
คุณลุง : เออ...แต่ก็ไม่ล้มนี่
ทุกๆ คนที่ไปกับผมได้ยินคำนี้ ผมดูสีหน้าออกเลยครับ เดือดกันหมด (ผมก็เดือด) แต่ดีตรงที่ว่า เป็นผู้สูงอายุ ถ้าเป็นรุ่น ๆ เดียวกันนี่สิครับ ไม่รู้ว่าจะได้เดินทางกันต่อหรือเปล่า
เฉาก๊วย : คุณลุงขอโทษสักคำ เพราะผมคิดว่าลุง ไม่ได้ตั้งใจหรอก
คุณลุง : เออ...ขอโทษ

สำหรับผมนะขอบอกเลยว่า "จบ" ไม่มีการคุยอะไรต่อครับ เพราะส่วนตัวผมเอง ไม่ได้เป็นอะไร แค่กระเป๋ารถเป็นลอยจากการเฉี่ยวเท่านั้นเอง

แต่พี่น้องของผมจะไม่ยอม ด้วยพฤติกรรมของคุณลุง จนผมเองบอกว่า "ให้แกไปมีเรื่องกับคนอื่นเถอะ" เพราะว่าเรายังต้องเดินทางอีกหลายวัน และนี่ก็ยังไม่ถึงจุดหมายของวันแรกเลย

จนทุกคนลดอุณหภูมิในตัวลง และเดินทางต่อไปครับ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น (โดยเฉพาะผมเอง)
เฉาก๊วย  2013-02-09 09:25:33      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #9
ประตูสู่ล้านนา พวกเราแวะพักกันสักนิด คลายร้อน ทั้งอากาศ และอารมณ์ ให้ทุก ๆ อย่างเย็นลง เพราะระยะทางอีกไม่ไกลที่จะถึงจุดหมาย

ส่วนตัวผมเอง บอกกับพี่น้องที่มาว่า อาจจะขอแวะอีกหนึ่งสถานที่ (จะไปถ่ายซ่อม) กับสถานที่ ที่ดูสบาย ๆตา เพราะเมื่อครั้งมาถ่ายรายการ Rock Rider ฟ้าไม่ค่อยเป็นใจครับ มาคราวนี้ ดูจากแสงของวันนี้แล้วน่าจะแจ่มอยู่ครับ
เฉาก๊วย  2013-02-02 14:04:17      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #10
เรื่อยเปื่อยจริง ๆครับผม ป้ายเมืองนี่แหละครับ เราควรจอดแวะถ่ายกันบ้างครับ เพราะจะบอกรายละเอียดเล็ก ๆน้อย ๆ ช่วยจดจำบันทึก ในาการเดินทางของผมเอง
เฉาก๊วย  2013-02-02 14:08:18      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #11
พวกเราแวะเติมน้ำมันที่ อ.เวียงสา และไม่เสียเวลามากครับ เพราะแสงที่ผมต้องการกำลังดี จริง ๆแล้วเหลืออีกแค่ สามสิบกว่ากิโลเมตร ก็จะถึง เมืองน่านแล้ว แต่สิ่งสวยงาม (สำหรับผมเองนั้น) รออยู่ข้างหน้าครับ
เส้นทางจาก อ.เวียงสา จะไป อ.นาน้อย วิ่งไปไม่เกิน 1 กิโลเมตร จะมีแยกซ้าย ไปบ้านน้ำมวบ เลี้ยวซ้ายเข้าไปเลยครับ พอเจอสะพานข้ามแม่น้ำครับ จอดได้เลย ทั้งสองข้างทางครับ สำหรับผม สวยมาก ๆ
เฉาก๊วย  2013-02-02 14:24:26      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #12
พวกเราใช้เวลาอยู่ที่นี่พักใหญ่ ๆ เลยครับ สูดอากาศดี ๆ วิวสวย ๆ เหมือนเติมชีวาให้กับตัวเอง
เฉาก๊วย  2013-02-02 14:30:06      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #13
เต็มอิ่มครับ ในความเป็นจริงแล้ว เส้นทาง บ้านน้ำมวบ เป็นเส้นทางที่ถนน โค้ง สวยมาก ๆครับ เหมาะมาก ๆสำหรับนักขับขี่อย่างพวกเรา ถ้าใครว่างๆ ก็ลองแวะมานะครับ

พระอาทิตย์เริ่มที่จะกลับไปพักผ่อนแล้วครับ พวกเรามุ่งตรงเข้าสู่ เมืองน่านครับ พวกเรามาถึง ก่อนที่ตะวันจะลับฟ้า แต่ผมเอง ยังไม่ไปเจอพี่ ๆน้อ ๆ ที่ส่วนใหญ่เดินทางมาถึงกันแล้ว

ทุก ๆครั้ง ที่ผมมาถึงเมืองน่าน ผมจะขี่รถขึ้นมาบน พระธาตุเขาน้อยเสมอครับ อย่างน้อย ไหว้พระเพื่อเป็น ศิริมงคล ให้กับตัวเอง และเพื่อพี่น้อง ทุก ๆท่านที่จะเดินทาง ให้เดินทางกันอย่างปลอดภัย

แต่สิ่งที่ได้มาอีกอย่างคือ การได้ชมวิวเมืองน่าน จากมุมสูง และยิ่งอากาศเย็น ๆอีกด้วยครับ ยิ่งทำให้บรรยากาศ สวยงามยิ่งนัก
เฉาก๊วย  2013-02-02 14:37:18      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #14
ผมเองถ่ายภาพกันจนวัยรุ่นบี แห่งเมืองน่าน ต้องโทรตามเลยครับ เพราะตอนนี้พี่น้อง ที่จะเดินทางไปซาปา มาถึงกันเกือบหมดแล้ว และกำลังนั่งทานอาหารกันอยู่แล้วครับ

ส่วนตัวผม พอฟ้าดำก็เลิกถ่ายครับ เพราะท้องร้องแล้วด้วยครับ เกรงใจพี่น้องที่มาด้วยกันครับ คงจะท้องร้องไม่แพ้กัน

นักบิดทุก ๆท่าน ก็ได้เจอหน้า เจอตากัน โดยมีทั้งคนคุ้นเคย และหน้าใหม่ใส่ปิ๊ง ๆ

ค่ำคืนนี้สำหรับผม ไม่ดึกมากครับ เพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นเข้ามาก ๆและยังต้องผจญภัย กับอะไรอีกบ้างก็ไม่รู้ครับ เพราะฉะนั้น เข้าที่พัก และก็พักผ่อนกันให้เต็มที่ครับ

Goodnight
เฉาก๊วย  2013-02-09 09:28:05      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #15
เช้าวันที่สองของการเดินทาง

เสียงปลุกจากโทรศัพท์ที่ตั้งไว้ ได้เรียกให้ตัวผมเองต้องตื่น มาพร้อมกับความเย็นที่ช่วงนี้กำลังมาปกคลุมเมืองน่านอีกครั้ง เรียกได้ว่า "ฉ่ำ"

วันนี้การแต่งตัวของผมต้องเพิ่มชุดข้างในครับ เพราะว่าอากาศเย็นมาก ๆ ยิ่งขี่มอเตอร์ไซด์ด้วยแล้ว ความเย็นจะเพิ่มเป็นเท่าตัวครับ

วันนี้จุดนัดหมายแรกคือที่ด่าน ห้วยโก๋น 10:00 นักเดินทางทุก ๆ ท่านไปเจอกันที่หน้าด่าน
ก่อนที่จะตะวันจะออกมาเฉิดฉาย ในวันใหม่ ล้อรถของพวกเรา ก็เคลื่อนตัวออกจากเมืองน่าน ท่ามกลางสายหมอก ที่ในบางระยะทาง ไม่สามารถมองเห็นได้ในระยะไกล

เฉาก๊วย  2013-02-02 15:06:21      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #16
แต่พอวิ่งไปสักระยะ ไออุ่นของตะวัน ก็ทำให้พวกเรา ขับขี่กันได้ง่ายขึ้น ผมเองยังคง บันทึกภาพระหว่างเมืองน่าน จนถึงด่านห้วยโก๋น

เพราะดูจากระยะทางที่หมาย เวลาของผมยังพอมีอยู่อีกมากครับ
เฉาก๊วย  2013-02-02 15:08:39      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #17
ระหว่างเส้นทางก่อนถึงด่านห้วยโก๋น มีการซ่อมแซมถนนเป็นระยะครับ พี่น้อง ควรขับขี่ด้วยความระมัดระวัง ยิ่งกรวดลอย อยู่ในโค้งด้วยแล้ว ต้องรู้จักสภาพรถ สภาพยางของตัวเอง ว่าเหมาะกับสภาพถนนแบบไหน
เฉาก๊วย  2013-02-02 15:12:26      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #18
วิวสองข้างทางของเมืองน่าน ยังคงสะกดผมให้ได้จอดรถ และบันทึกภาพ ของธรรมชาติ ที่แต่งแต้มให้กับนักเดินทางอย่างผม ได้สดชื่น ทุก ๆ ครั้งที่ขับผ่าน ขอบคุณธรรมชาติ ที่ช่วยเติมชีวิตให้ผมมีพลังเพิ่มขึ้นในการเดินทาง
เฉาก๊วย  2013-02-02 15:16:09      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #19
ก่อนเวลานัดหมาย นักเดินทางที่พร้อมจะไปลุยต่างแดน มาพร้อมเพียง ด้วยความตื่นเต้นที่อยากจะขี่รถออกนอกประเทศกันแล้ว

เฉาก๊วย  2013-02-02 15:34:24      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #20
พี่น้องเราติดสติ๊กไว้ที่รถ ซึ่งถือว่าของที่ระลึกอย่างแรก ในการเดินทางในทริปนี้เลยครับ
เฉาก๊วย  2013-02-02 15:36:19      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #21
ถ่ายกันเก็บไว้ก่อนครับ จะพยายามให้ครบทุก ๆคันนะครับผม
เฉาก๊วย  2013-02-02 15:37:40      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #22
มากันครบทุกภาคทั่วไทย
เฉาก๊วย  2013-02-02 15:39:00      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #23
วัยรุ่นที่สุดในทริปนี้ครับผม เฮียหมง ผู้ที่มีหัวใจสองล้อ สะกดคำว่า แก่ ชรา ไม่เป็นครับ เดินทางมาหลายประเทศ ทั่วไทย ไปทุกที่ สุดเหวี่ยงครับ (ในทุก ๆเรื่อง) ใครที่เคยได้ร่วมทริปกับเฮียหมงก็จะทราบกันดีครับผม
เฉาก๊วย  2013-02-02 15:41:39      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #24
ขอแถมอีกคันนะครับ คันนี้ จาก Rock Rider รายการทีวีของชาวสองล้อ ที่เป็นทางเลือกใหม่ในการชม

ขาดรถใครไม่ว่ากันนะครับ ในความเป็นจริงถ่ายไว้ครบทุกคันครับผม เอาไว้ค่อยไปแจกจ่ายกันทีหลังนะครับพี่น้อง
เฉาก๊วย  2013-02-02 15:44:28      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #25
ตอนนี้ตรวจเอกสารทางฝั่งไทยเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ และพี่ ๆน้องๆ ก็ขี่มาถึงด่านประเทศลาว เพื่อรอให้ด่านลาว ตรวจเอกสารในการเข้าเมือง อย่างถูกต้อง และหลังจากนั้น ก็ได้เวลา เริงร่าของชาวสองล้อแล้วครับผม
เฉาก๊วย  2013-02-02 15:47:45      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #26
ป้ายเล็ก ๆ ก็สามารถบอกได้ว่าเราอยู่ที่ไหน ประเทศอะไรครับ กลเม็ดง่าย ๆในการบันทึกภาพ ที่ไม่ควรมองข้ามนะครับผม
เฉาก๊วย  2013-02-02 15:50:02      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #27
เอกสารพร้อม คนพร้อม การเดินทางกำลังจะเริ่มขึ้นแล้วครับ ตื่นเต้นครับ เพราะว่า พวกเราไปกันเยอะพอสมควร เวลาที่รถวิ่งขบวน ๆ มันดูยิ่งใหญ่ดีครับ และก็น่าตื่นตา ตื่นใจ สำหรับผู้ที่พบเห็น
เฉาก๊วย  2013-02-02 15:52:39      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #28
เสียงหัวใจผมเต้นแถบจะออกมาจากเสื้อแจ๊คเก็ตที่ใส่อยู่เลยครับ เพราะตอนนี้ ทุก ๆ คนเริ่มเคลื่อนล้อรถของตัวเอง เข้าสู่ประเทศลาวกันแล้วครับ

ป้ายยินดีต้อนรับ มีให้เห็นกันตั้งแต่กิโลเมตรแรกเลยครับ
เฉาก๊วย  2013-02-02 15:56:29      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #29
วิ่งเข้าในประเทศลาว พวกเราต้องวิ่งทางเลนส์ขวาครับ บางครั้งเห็นรถสวนมาในตอนแรก ๆ จะตกใจหน่อยครับ นึกว่าอยู่ประเทศไทย

เราวิ่งจากด่านน้ำเงิน มาถึง ปากห้วยแคน ระยะทางเกือบ 40 กิโลเมตร เส้นทางลาดยางสวยงามครับ แต่พอถึงปากห้วยแคน หัวใจพวกเราเต้นแรงขึ้นอีกครับ เพราะ รถทุก ๆคันต้องข้ามแพ ขนานยนต์ โดยข้ามแม่น้ำโขง

แต่ิส่งที่เราเห็นคือ อีกไม่นานครับ นักเดินทางอย่างพวกเรา คงไม่ได้ข้ามแพขนานยนต์แบบนี้แล้ว เพราะว่า สะพานกำลังถูกสร้างขึ้นแล้ว

กลับมาที่เวลานี้ ขณะนี้กันดีกว่าครับ เพราะแค่เส้นทางลงก็ทำให้พวกเราตื่นเต้น เร้าใจ แต่นั่นยังไม่หมดสิครับ เพราะอีกฝั่ง ยังมีเส้นทางขึ้นอีก ที่เป็นโจทย์ให้พวกเราต้องหาคำตอบกันต่อไป
เฉาก๊วย  2013-02-02 16:07:08      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #30
พวกเราเป็นที่น่าสนใจของพี่น้องชาวลาวครับ เพราะเรามากันเยอะด้วย และลักษณะรถจักร (คนลาวเรียกรถมอเตอร์ไซด์ว่า รถจักร) แบบนี้ ในประเทศลาว ไม่มีซะด้วยสิ ยิ่งเป็นที่น่าสนใจมาก
เฉาก๊วย  2013-02-02 16:09:11      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #31
ระหว่างที่พวกเรากำลังข้ามไปฝั่งตรงข้าม หรือบ้างก็ยังรอคิวอยู่ฝ่้่งนี้ บริเวณนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวของพี่น้องชาวลาว มีแก่งหินขนาดใหญ่ กระจายอยู่เต็ม ลำนำ้โขง
เฉาก๊วย  2013-02-02 16:12:01      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #32
พี่น้องของพวกเราชุดนี้ถือว่า โชคดีครับ มีแต่รถพวกเราทั้งนั้นเลย เพราะผมเอง เจอกับรถยนต์ผสมกันไป แทบตกแพครับ
เฉาก๊วย  2013-02-02 16:13:45      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #33
ก่อนที่จะพบกับเรื่องตื่นเต้น เก็บภาพบรรยากาศโดยรอบมาฝากพี่น้องกันก่อนครับ
เฉาก๊วย  2013-02-02 16:16:14      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #34
ตอนนี้กลุ่มแรก เริ่มออกตัวจากแพขนานยนต์แล้วครับ และหนทางที่ขวางอยู่ข้างหน้าก่อนขึ้นเนินนี่สิครับ ผมเองถ่ายภาพอยู่อีกฝั่ง ยังเห็นฝุ่นกระจาย และดูน่าจะเป็นพื้นทราย ที่คอยจะดูดล้อรถให้ลงไปนอนเล่นแน่ ๆ

เฉาก๊วย  2013-02-02 16:18:50      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #35
ในที่สุดสิ่งที่คาดคิดไว้ ก็เป็นจริงจนได้ครับ มีรถของพี่น้องเรา ถูกทรายดูดมาพูดคุยกันซะเล็กน้อยครับ คงจะถามสารทุกข์สุกดิบ ว่าจะเดินทางกันไปไหนเนี่ย มากันเยอะเลยนะ

แต่คงเลือกสุ่มเอาครับ เพราะคงไม่ดูดลงมาทุกคันหรอกครับ
เฉาก๊วย  2013-02-02 16:21:54      แจ้งลบความเห็น

PAGE 1 OF 10
GO TO PAGE

Privacy & Policy Statements Advertisement About StormClub.com Contact Stormclub.com