*****ไกด์เถื่อน พาเที่ยวกัมพูชา 8วัน7คืน 9จังหวัด 2,500กิโลเมตร***** |
สวัดดีครับเพื่อนสมาชิกทุกๆท่าน
พอดีเมื่อปลายปีที่แล้วได้เข้าไปขี่รถเที่ยวๆเล่นๆในกัมพูชา โดยครั้งนี้เป็นครั้งที่3ของผม ในการขี่รถเที่ยวที่นี้ แต่ส่วนตัวที่อาชีพทำทัวร์กัมพูชามากว่า 10ปีแล้ว ส่วนสองครั้งแรกหลายท่านคงได้ชมไปแล้วของทริป Stella ที่พี่โรจน์ เฉาก๊วย จำนานศิลป์ ได้รีวิวเอาไว้
คราวนี้วางแผนกันว่าจะไปให้ทั่วครึ่งบนของประเทศกัมพูชา โดยเริ่มตั้งแต่ กรุงปอยเปต - บันเตียเมียนเจย - เสียมเรียบ - กำปงธม - กำปงจาม - กระแจ๊ะ- รัตนคีรี - สตึงเตรง - เปรี๊ยะวิเฮียร์ รวม9จังหวัด ระยะทางประมาณ2,500กิโลเมตรครับ
โดยเราเริ่มต้นเดินทางกันในวันที่ 22ธันวาคมปีที่แล้ว โดยมีผมและเพื่อนต่างวัยอีกท่านหนึ่งคือเฮียหมง ไปด้วยกัน2คันจากกรุงเทพฯ และในวันที่ 23ก็มีเพื่อนผมนั่งรถตามคณะเข้าไปอีกท่านนึง แล้วพอไปถึงเสียมเรียบก็มีเพื่อนคนไทยที่เป็นผู้จัดการร้านอาหารไทย สวัสดี ที่รูกจักกันมาเป็นสิบปี ร่วมเดินทางกับคณะเราอีกท่านนึง รวมเป็นรถ3คัน คนสี่คนครับ
หลายท่านคงงงว่าไกด์เถื่อนคืออะไร ก็เป็นนามปากกาขอผมเองนะครับที่สมัยก่อนเขียนเรื่องเกี่ยวกับเขมรๆเอาไว้ใน Pantip ท่านใดอยากอ่านข้อมูลพวกปราสาทต่างๆในกัมพูชา ก็ลองพิมพ์คำว่า ไกด์เถื่อน พาเที่ยว ลงในGoogle ดูได้ครับ ข้อมูลของกัมพูชาจะเป็นที่ผมเขียนไว้ทั้งหมด ยังพอมีกระทู้เก่าๆอยู่บ้าง
ติดตามชมเรื่องราวได้เลยครับ
ไกด์เถื่อน
รูปแรกนี้เป็นแผนที่การเดินทางของเรานะครับ จะมีวันที่กำกับไว้ว่าวันไหน พักนอนเมืองไหน
|
opas109 time: 2013-03-19 08:33:11
|
แจ้งลบกระทู้ |
ความเห็นที่ #1 |
เริ่มเดินทางออกจากกรุงเทพกันตอนประมาณตีห้า วิ่งไปมีนบุรี ฉะเชิงเทรา เขาหินซ้อน สระแก้ว อรัญประเทศ 240กิโลเมตร |
opas109
2013-03-19 08:35:01
|
แจ้งลบความเห็น |
ความเห็นที่ #2 |
ถึงด่านตรวจคนเข้าเมืองคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ทำเอกสารข้ามแดนทั้งรถและคน โดยศุลกากรไทยอำนวยความสะดวกเต็มที่ครับ กรอกเอกสารให้ทุกอย่าง รอเซ็นต์ชื่ออย่างเดียว เสร็จแล้วก็ไปยื่นเอกสารรถอีก 2ชุดให้ที่ ตม. แล้วเราก็เข้าไปแสตมป์พาสปอร์ทตัวเราเอง ก็เป็นอันเรียบร้อยสำหรับฝั่งไทยครับ |
opas109
2013-03-19 08:37:33
|
แจ้งลบความเห็น |
ความเห็นที่ #3 |
เสร็จแล้วก็เข้าไปทำเรื่องเอกสารฝั่งกัมพูชา ซึ่งผมได้ส่งเรื่องมาทำไว้แล้วเมื่อสองสัปดาห์ก่อน ตอนแรกคิดว่าทริปนี้จะเข้าทางปอยเปต แล้วไปเข้าลาวใต้ ไปปากเซแล้วจะเข้าไทยทางช่องเม็ก อุบลฯ แต่ทางการกัมพูชาทำเรื่องเอกสารให้ไม่ทัน เพราะต้องส่งเอกสารไปให้ด่านพรมแดนที่ติดกับลาวทราบเรื่อง ก็เลยได้แค่เข้า ออกทางปอยเปตเหมือนเดิม พอดีช่วงข้ามด่านมันยุ่งๆเลยลืมถ่ายรูปเอาไว้ รูปนี้ก็เดินทางมาถึงเสียมเรียบเป็นที่เรียบร้อยครับ ระยะทางจากชายแดน 150กิโดลเมตร ผ่านกรุงปอยเปต ศรีโสภณ(บันเตียเมียนเจย) แล้วก็เสียมเรียบ |
opas109
2013-03-19 08:41:22
|
แจ้งลบความเห็น |
ความเห็นที่ #4 |
ถึงเสียมเรียบ เข้าที่พักที่ ร้านอาหารสวัสดีซึ่งมีเกสเฮ้าส์ด้วย เสร็จแล้วก็มาเที่ยวสระบารายตะวันตก ซึ่งเป็นอ่างเก็บน้ำขุดโดยมนุษย์เมื่อกว่า 1,000ปีที่แล้ว โดยมีความยาว 8กิโลเมตร กว้าง 2.2กิโลเมตร ทุกวันนี้ยังเป็นแหล่งชลประทานสำคัญของ จ.เสียมเรียบ |
opas109
2013-03-19 08:43:58
|
แจ้งลบความเห็น |
ความเห็นที่ #5 |
พักดื่มน้ำมะพร้าวข้างทาง เย็นชื่นใจ แต่มะพร้าวเขมรจะเปรี้ยวมาก ไม่หวานเหมือนมะพร้าวน้ำหอมบ้านเรา ที่นี่เวลาซื้อของใช้เป็นเงิน USD. จะสะดวกที่สุดครับ แต่เวลาทอนเค้าจะทอนมาเป็นเงินเขมรบ้าง ดอลลาร์บ้าง ปนๆกัน โดยอัตราแลกเปลี่ยนตอนนี้ประมาณ 1,000เรียล=80บาทไทย ทริปนี้ไม่มีรูปนครวัด นครธมนะครับ เพราะตัวผมเองเดินทัวร์นครวัดมาเกือบๆสองร้อยครั้งแล้วและเฮียหมงที่มาด้วยกันก็เคยไปมาแล้วจากทริป Stella จะได้ไม่ต้องซื้อตั๋วเข้าชม ซึ่งตั๋วมีราคา 20USD. ชมได้ 1วัน, 40USD.ชมได้ 3วัน และ 60USD.ชมได้ 1สัปดาห์ |
opas109
2013-03-19 08:49:50
|
แจ้งลบความเห็น |
ความเห็นที่ #6 |
วันที่สองของการเดินทาง ก็มีผู้ร่วมทางเพิ่มอีกสองคน คือเพื่อนผมเองที่ตามมาจากกรุงเทพฯ และก็ผู้จัดการร้านสวัสดี รวมเป็น 3คัน 4คน
วันนี้เราจะเดินทางไปที่ จ.กำปงธมเพื่อชมสะพานโบราณที่อยู่ระหว่างทาง และพักค้างคืนที่ จ.กำปงจาม ระยะทางวันนี้ประมาณ 280กิโลเมตร ถนนลาดยางเรียบสองเลน |
opas109
2013-03-19 08:53:42
|
แจ้งลบความเห็น |
ความเห็นที่ #7 |
สะพานโบราณนี้จะอยู่ที่ อ.กำปงเกดย จ.กำปงธม โดยวิ่งมาจากเสียมเรียบมาประมาณ 60กว่ากิโลก็จะถึงตัวสะพาน |
opas109
2013-03-19 08:55:29
|
แจ้งลบความเห็น |
ความเห็นที่ #8 |
สะพานนี้สร้างโดย พระเจ้าชัยวรมันที่7 ซึ่งขึ้นครองราชย์ในปี คศ. 1181 สะพานนี้ก็น่าจะมีอายุประมาณ 800กว่าปี เป็นสะพานที่สร้างด้วย ศิลาแลง มีราวสะพานเป็นตัวพญานาค สร้างด้วยหินทราย ความกว้างประมาณ 15เมตร ยาวเกือบๆ 100เมตร สภาพยังคงสมบูรณเกือบ 100% เมื่อสี่ห้าปีที่แล้วรถทุกคันที่จะวิ่งจากเสียมเรียบเข้าพนมเปญ จะต้องวิ่งข้ามสะพานอันนี้ ในสมัยสงครามรถถังก็วิ่งข้ามได้สบายๆครับ เพราะแข็งแรงจริงๆ แต่ UNESCO ได้สั่งไม่ให้รถวิ่งข้ามอีกต่อเพื่ออนุรักษ์เอาไว้ ให้แต่รถมอเตอร์ไซค์ รถจักรยาน เกวียนของชาวบ้านวิ่งข้ามได้เท่านั้น |
opas109
2013-03-19 10:55:21
|
แจ้งลบความเห็น |
ความเห็นที่ #9 |
ดูความยิ่งใหญ่และความแข็งแรงของโครงสร้างสะพานได้ครับ ผมว่าต่อให้รถวิ่งข้ามอีกร้อยปีก็ไม่พัง และชาวบ้านเชื่อว่ามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองสะพานนี้อยู่ด้วยครับ เพราะมีความพยายามที่จะระเบิดสะพานนี้มาหลายครั้งแล้ว ในช่วงสงคราม แต่ว่าระเบิดไม่เคยทำงานเลย ด้านทุกลูก ทำให้ยังคงอยู่ถึงทุกวันนี้ |
opas109
2013-03-19 09:02:54
|
แจ้งลบความเห็น |
ความเห็นที่ #11 |
แวะพักดื่มน้ำข้างทาง ใกล้ถึง จ.กำปงจามแล้ว ซึ่งแถวนี้มีการปลูกยางพาราเยอะมาก โดยนายทุนจากประเทศจีน มาเช่าที่ๆกัมพูชาไว้เป็นหมื่นเป็นแสนไร่ เพื่อปลูกยาง ขี่รถในกัมพูชา ถ้าเห็นรถตู้สีเหลืองอย่างที่เห็นในรูปก็ระวังหน่อยนะครับ เป็นรถตู้โดยสารของชาวบ้าน ขับเร็วนรกแตก เห็นเราขี่มา เขาก็แซงรถอีกฝั่งนึงของเขาโดยไม่สนพวกเราเลย ต้องหลบลงไหล่ทางให้ แต่ไหล่ทางที่นี่บางทีมันก็ซ่อมอยุ่บ้าง ชาวบ้านเอามันสำปะหลังมาตากบ้าง ยังไงเจอก็ช้าๆให้พี่เค้าหน่อย |
opas109
2013-03-19 09:08:05
|
แจ้งลบความเห็น |
ความเห็นที่ #12 |
เดินทางถึง จ.กำปงจาม ราวๆสี่โมงเย็น สะพานที่เห็นด้านหลังชื่อว่าสะพาน กิดสะนี สร้างข้ามแม่น้ำโขง ซึ่งพรุ่งนี้เราก็จะเดินทางข้ามสะพานอันนี้ครับ แต่ตอนนี้เรากำลังตามหาสะพานไม้ไผ่ ที่ผมเคยเห็นรูปมา และอยากลองข้ามดูบ้าง ก็ถามชาวบ้านดูก็ทราบว่าขี่ไปอีก 2กิโลก็ถึงแล้ว |
opas109
2013-03-19 09:11:09
|
แจ้งลบความเห็น |
ความเห็นที่ #13 |
เจอแล้วครับ สเปียนฤเศย หรือแปลว่า สะพานไม้ไผ่ ข้ามแม่น้ำโขงไปที่เกาะเป็น ซึ่งอยู่กลางลำน้ำ ความยาวน่าจะประมาณกิโลเศษๆ หน้าน้ำจะไม่สามารถข้ามได้ เพราะน้ำจะท่วมตัวสะพาน และต้องมีการสร้างสะพานใหม่ทุกๆปี |
opas109
2013-03-19 09:13:37
|
แจ้งลบความเห็น |
ความเห็นที่ #14 |
ขี่มาถึงกลางสะพาน ก็ต้องจอด เพราะเห็นมีรถปิคอัพคันนึงกำลังสวนมา จริงๆเค้าทำที่หลบรถเวลาสวนกันเอาไว้ที่ด้านขวาของรูปนะครับ แต่ผมไม่กล้าลงเพราะดูไม้ไผ่แล้วกลัวล้มแปะเป็นอย่างมาก ก็เลยแอบๆอย่างที่เห็น ซึ่งเค้าก็สวนไปได้พอดี |
opas109
2013-03-19 09:15:52
|
แจ้งลบความเห็น |
ความเห็นที่ #15 |
คันนี้แหละครับที่สวนกับผมมา สะพานนี้จริงๆแข็งแรงมากๆนะครับ ชาวบ้านบอกว่ารถบัส 25ที่นั่งก็ข้ามได้ แต่ไอ้ตอนผมขี่ข้ามนี่เสียวสุดๆ ไม้ไผ่มันยวบยาบๆ ขากลับถึงรู้ว่าต้องขี่เร็วหน่อย ไม้ไผ่มันจะยุบตัวไม่ทัน เสียค่าข้ามสะพานไปกลับ 2USD. จริงๆมอไซค์ชาวบ้านเก็บแค่ 1,000เรียลหรือแปดบาท แต่เค้าบอกว่ารถผมคันใหญ่ เลยเก็บแพงหน่อย |
opas109
2013-03-19 09:19:15
|
แจ้งลบความเห็น |
ความเห็นที่ #16 |
ตกเย็นก็หาอาหารทานกัน ที่กัมพูชาจะทำอาหารปิ้งๆย่างๆอร่อยมาก โดยเฉพาะเนื้อย่าง ทั้งๆที่ไม่มีเนื้อโคขุนแบบบ้านเรา แต่เนื่อย่างที่นี่นุ่มกว่าบ้านเราเยอะครับ อร่อยทุกร้าน เสียดายที่ไม่มีน้ำจิ้มแจ่วเหมือนบ้านเรา มีแต่น้ำจิ้มสารพัดประโยชน์ของที่นี่ เรียกว่า ตึ๊กมะริด ก็คือ เกลือ, พริกไทย, ผงชูรส บีบมะนาวลงไป จิ้มได้ทุกอย่าง |
opas109
2013-03-19 09:22:21
|
แจ้งลบความเห็น |
ความเห็นที่ #17 |
เช้าของอีกวันก็เตรียมตัวเดินทางไป จ.กระแจ๊ะ, สตึงเตรง และรัตนคีรี วันนี้จะไกลหน่อย เกือบๆ 500กิโล ตอนเช้าก็มาเติมพลังกันด้วยข้าวต้ม พอดีเจอกับชาวอิตาลี่ 2คน เช่ารถวิบากมาจากพนมเปญ ก็เลยได้คุยกันเล็กน้อย ได้ความว่าเช่ารถมาสิบวัน จะหาทางฝุ่นทางดินขี่ รอบประเทศ |
opas109
2013-03-19 09:25:41
|
แจ้งลบความเห็น |
ความเห็นที่ #18 |
ขี่มาเรื่อยๆก็เจออะไรหว่า กระบุง กระจาดเคลื่อนที่ได้ เลยรีบขี่แซงไป แล้วโบกให้เค้าจอดเลยครับ ขอถ่ายรูปหน่อย ตอนแรกนึกว่าเป็นสามล้อ |
opas109
2013-03-19 09:27:23
|
แจ้งลบความเห็น |
ความเห็นที่ #19 |
ที่แท้เป็นมอไซค์เก่าๆ แค่นั้นเองครับ แต่สามารถบรรทุกได้ขนาดนี้ ผมก็ถามเขาว่ามาจากไหน เค้าก็บอกว่ามาจากกำปงจาม แล้วจะไปไหน ตอบมาว่า ไปขายที่รัตนคีรี ที่รถเค้าจะมีเตาแก๊สเล็กๆ หมอนมุ้งติดไปด้วยเลยครับ นึกดูนะครับ มองกระจกหลังไม่ได้ ลมพัดก็เซ แล้วต้องขี่ไปอีกเกือบๆ 500กิโล |
opas109
2013-03-19 09:30:19
|
แจ้งลบความเห็น |
ความเห็นที่ #20 |
สวมรอยเป็นคนขาย ที่นั่งแทบจะนั่งไม่ได้เลย เหลือที่น้อยมาก เวลาจอดต้องเอาไม้หน้าสามมาค้ำตัวรถเอาไว้ |
opas109
2013-03-19 09:31:31
|
แจ้งลบความเห็น |
ความเห็นที่ #21 |
ถนนไม่ค่อยดีดรับ หลุมบ่อเยอะมีถนนพังเป็นช่วงๆ บังโคลนหลังแตก ต้องถอดออก เข้าใจแล้วว่าทำไม Versys ถึงไม่มีบังโคลนหลังติดรถมาให้ เพราะมันกระแทกกะกล่องแบตนี่เองเวลาตกหลุมแรงๆ |
opas109
2013-03-19 09:33:45
|
แจ้งลบความเห็น |
ความเห็นที่ #22 |
พักกินน้ำอีกแล้ว เราขี่กันเรื่อยๆ ไม่เร็วนะครับ เพราะว่าในกัมพูชา จะมีวัว ควายเยอะ และรถชาวบ้านก็ขับไม่ค่อยดูทางดูถนนเท่าไหร่ ทริปนี้ขี่กันแค่ 100-110แค่นั้นเอง ชิลๆเรื่อยๆ แวะกินน้ำทีก็ครึ่งชั่วโมง เพราะนั่งคุยกับชาวบ้านแม่ค้าไปเรื่อยๆ เพราะตัวผมเองกับ เพื่อนร้านสวัสดี พูดภาษาเขมรกันได้ ตอนนี้ผ่านจ.กระแจ๊ะก็แวะดูโลมาหัวบาตร ซึ่งเป็นโลมาน้ำจืด อยู่ในแม่น้ำโขง แต่ไม่มีรูปให้ชมเพราะอยู่ไกล ถ่ายยากมาก เพราะมันโผล่มาเหนือผิวน้ำแป๊บเดียว |
opas109
2013-03-19 09:38:14
|
แจ้งลบความเห็น |
ความเห็นที่ #23 |
ถึง จ.สตึงเตรง พักอีกทีนึงก่อนระยะสุดท้าย 130กิโลเมตร สู่รัตนคีรี สังเกตุดูวิธีขนรถมอไซค์ของพวกชาวบ้านนะครับ ห้อยท้ายได้สุดๆ เห็นแล้วเสียวหล่นจริงๆ ถนนช่วงสุดท้ายนี่สภาพดีมากๆ สองเลนสวน ลาดยางเสร็จมาไม่นาน รถก็แทบจะไม่มีวิ่ง แต่เราก็ขี่เร็วขึ้นมาอีกนิดหน่อยแค่นั้นเอง เพราะยังไงก็ทางมันไม่คุ้นครับ แล้วพอเย็นๆแล้ววัวควายมันจะเดินกลับบ้านกันเยอะ |
opas109
2013-03-19 09:41:32
|
แจ้งลบความเห็น |
ความเห็นที่ #24 |
ถึงรัตนคีรีตอนทุ่มตรง แวะหาอาหารทานกันก่อนเลย วันนี้ขี่ไกลมาก ที่เห็นในรูปเป็นอาหารฝรั่งปนเขมร เรียกว่า ล๊อกล๊ากหรือสเต๊กเนื้อสไตล์เขมร แต่จานนี้เป็นเนื้อเก้งครับ เพราะที่รัตนคีรีมีป่าไม้ยังอุดมสมบูรณ์อยู่มาก |
opas109
2013-03-19 09:43:49
|
แจ้งลบความเห็น |
ความเห็นที่ #25 |
ทริปนี้เน้นประหยัด นอนแต่เกสเฮ้าส์ แต่เกสเฮ้าส์ที่นี่สภาพอย่างกับโรงแรมสามดาว แต่ราคามิตรภาพ |
opas109
2013-03-19 09:45:06
|
แจ้งลบความเห็น |
ความเห็นที่ #26 |
วันรุ่งขึ้น เดินทางชม บึงแยกลอม (บึงยักษ์ล้อม) เป็นบึงน้ำที่อยู่ในปากปล่องภูเขาไฟที่ดับไปแล้ว น้ำน่าเล่นมากครับ แต่ก็ดูลึกลับมาก ลึกถึง50เมตร |
opas109
2013-03-19 09:46:55
|
แจ้งลบความเห็น |
ความเห็นที่ #27 |
นั่งพักกาย พักใจ ถึงจะไกลแต่ก็คุ้มค่าที่เดินทางมาถึง |
opas109
2013-03-19 09:47:53
|
แจ้งลบความเห็น |
ความเห็นที่ #28 |
ที่รัตนคีรี จะมีชนเผ่าต่างๆอยู่เยอะมาก เช่น ปะหน่อง, กลึง , ตำปลวนฯลฯ มีวัฒนธรรมและภาษาพูดเป็นของตนเอง ที่ริมบึงก็มีการสร้างบ้านของพวกชนเผ่าเอาไว้ให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก ทำให้พวกเราอยากจะเห็นของจริงว่าเป้นอย่างไร |
opas109
2013-03-19 09:50:45
|
แจ้งลบความเห็น |
ความเห็นที่ #29 |
เตรียมเสบียงกรังกันก่อนเดินทางตามหาหมู่บ้านชนเผ่า ที่เห็นคือเนื้อกวางแดดเดียว เอามาปิ้งเตาถ่าน อร่อยสุดๆครับ กิโลละ 20USD. |
opas109
2013-03-19 09:52:35
|
แจ้งลบความเห็น |
ความเห็นที่ #30 |
เริ่มลุยฝุ่นกันแล้ว รถต้องถอดกล่อง ถอดปี๊บข้างกันออกไปก่อน เพื่อความคล่องตัว ตัวผมเองก็พึ่งจะออกรถมาได้สองสามเดือน เคยขี่แต่รถเล็ก ทางฝุ่นทางดินก็ไม่เคยขี่ แต่เฮียหมงที่ไปด้วยกันก็คอยสอน คอยแนะนำตลอดทางครับ กลับจากทริปนี้มาเป็นขึ้นเยอะสำหรับทางดิน ทางฝุ่น |
opas109
2013-03-19 09:55:17
|
แจ้งลบความเห็น |
ความเห็นที่ #31 |
มาเจอหมู่บ้านชนเผ่ากลึง สมัยก่อนอาศัยอยู่ในบ้านหลังยาวๆอย่างนี้ทั้งครอบครัว ภายในซอยเป็นห้องเล็กๆ ไว้เป็นสิบๆห้อง แต่เดี๋ยวนี้ไม่ได้อยู่อย่างนี้แล้ว ก็อยู่กันแบบบ้านเรือนธรรมดาๆทั่วไป |
opas109
2013-03-19 09:57:22
|
แจ้งลบความเห็น |
ความเห็นที่ #32 |
เดินทางต่อเพื่อจะค้นหาหมู่บ้านของเผ่าตำปลวน ที่มีบ้านเสาสูงๆที่เห็นในรูปที่ริมบึง ทางช่วงนี้เป็นดินเรียบสนิท ตอนนี้กำลังจอดรอรถอีแต๋นคันนึงกำลังวิ่งขึ้นเนิน ซึ่งชันมากๆ รถจอดๆหยุดๆหลายครั้ง เราเลยจอดรอให้เค้าขึ้นไปให้ได้ก่อน |
opas109
2013-03-19 09:59:53
|
แจ้งลบความเห็น |
ความเห็นที่ #33 |
ถึงตัวหมู่บ้านแล้ว แต่ปรากฎว่า ชาวบ้านเดี๋ยวนี้ไม่ได้อยู่อาศัยในบ้านเสาสูงแบบนั้นอีกต่อไปแล้ว ก็อยู่กันแบบบ้านธรรมดา แล้วเดี๋ยวนี้ก็มีจานดาวเทียมกันทุกบ้าน ใส่เสื้อผ้าปกติไม่ได้ใส่ชุดชนเผ่าอีกต่อไป เมื่อความเจริญเข้ามา วัฒนธรรมบางอย่างก็ค่อยๆสูญหายไป |
opas109
2013-03-19 10:02:18
|
แจ้งลบความเห็น |
ความเห็นที่ #34 |
วันนี้กินฝุ่นกันมาค่อนวันจนอิ่มเลยครับ พอเจอทางดำเลยจอดแวะกินน้ำกินท่ากันหน่อย หน้าตามีความสุขอย่างบอกไม่ถูก |
opas109
2013-03-19 10:03:42
|
แจ้งลบความเห็น |
ความเห็นที่ #35 |
แดดส่องหน้าร้านที่ซื้อน้ำ เลยข้ามถนนมายืนหน้าร้านขายปีกไก่ร้านนี้ ป้าแกก็ใจดีให้ลูกยกเก้าอี้มาให้พวกเรานั่ง แล้วผมเองนั่งไปนั่งมาเอี้ยวตัวไปทำพนักเก้าอี้เค้าหักไป เสียงดังเป๊าะ ป้าแกก็สะดุ้งหันมามอง แล้วก็ไม่ว่าอะไรซักคำ หันไปปิ้งไก่ต่อ ผมก้ถามเขาว่า ซื้อมาตัวละเท่าไหร่ แกบอกว่าไม่เป็นไรหรอก ผมบอกว่าไม่ได้ ผมนั่งหักเอง น้ำก็ไม่ได้ซื้อร้านแก แถมทำเก้าอี้หักอีก แกก็เลยบอกมาว่าซื้อมาตัวละ 15,000เรียล(120บาท) ผมก็ควักตังค์ให้แกไป ซึ่งจริงๆครับยกเก้าอี้มาให้ แถมทำหักก็จะไม่เอาเงินอีก
จริงๆแล้วประเทศกัมพูชาและคนกัมพูชาไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดกันนะครับ คณะเราแวะพักที่ไหน ก็ได้รับการต้อนรับอย่างดีจากชาวบ้าน จากร้านค้าต่างๆ ยิ้มแย้มแจ่มใสพูดคุยกันสนุกสนาน บางทีเรารับข้อมูลจากข่าวๆต่างๆที่ไม่เป็นความจริง มีหลายประเทศมีผลประโยชน์อยู่ในการที่ทำให้ไทยกับกัมพูชาขัดแย้งกัน ผมทำทัวร์ประเทศนี้มากว่า 10ปี ไม่เคยมีคนกัมพูชามาหาเรื่องผม หรือไปมีเรื่องกับคนกัมพูชาเลยแม้แต่ครั้งเดียว ชาวเขมรไม่เคยสนใจเรื่องเขาพระวิหารชีวิตของชาวบ้านแค่มีกินมีใช้ไปวันๆ เค้าก็พอใจกันแล้วครับ |
opas109
2013-03-19 10:12:15
|
แจ้งลบความเห็น |
|