Register LOGIN Forget password ?
:: Special Scoops :: HONDA RVF750R(RC45)
Guest View : 8,668 / Last update : 05/06/2008
 
Page 1 :: Page 2 :: Page 3
 

Banana 's comment !!!
ปีที่ RC45 ออกวางจำหน่าย คือปี 2537 ซึ่งเป็นปีแรกที่ผมซื้อรถใหญ่เป็นของตัวเองคันแรก ปีที่ผมเริ่มศึกษาเรื่องราวเกี่ยวกับมอเตอร์ไซค์อย่างเป็นจริงเป็นจัง (รวมไปถึง เป็นปีที่ผมหัวแบะจากร้านที่ผมซื้อรถเป็นครั้งแรกๆด้วย) และเป็นปีที่ผมเริ่มติดตามและเป็นแฟนขาประจำของนิตยสารวัฏจักร มอเตอร์ไซเคิลอย่างเป็นเรื่องเป็นราว อ่านวัฏจักร ก็ต้องรู้จักอีตาเกียร์ 7 Spy No.13 นิบง 01 ซูหลิง ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นแรงบันดาลใจ และบุคคลที่ไขปริศนาคาใจในชีวิต จนทำให้ช่วงชีวิตหลังจากนั้น ต้องผูกพันธ์อยู่กับรถซูปเปอร์ไบค์จนถึงปัจจุบัน

ผมรู้จักและเริ่มสนใจ RC45 ก็ตอนที่อีตาหนวด Spy No.13 ขี่เจ้าตัวนี้แล้วยกขาข้างนึงชี้ฟ้า พร้อมๆกับที่เข่าอีกข้างนึงครูดพื้นอยู่ในสนาม แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรอีก จนกระทั่งหนังสือของอีตาเกียร์ 7 รายงานข่าวเกี่ยวกับการแข่งขัน WSB และ SUZUKA 8 ชั่วโมง ซึ่งมีชื่อของ RC45 ขึ้นทำเนียบโพเดียมทุกครั้ง มันจึงกลายเป็นอีกหนึ่งโมเดลที่อยู่ในใจ แต่ไม่เคยมีโอกาสได้สัมผัสตัวเป็นๆซักครั้ง จนกระทั่งวันที่คุณหนึ่งยกมาให้เราทดลองขี่ในวันนี้

 
 

ปี 1994 กับเทคโนโลยีหัวฉีดที่ค่ายฮอนด้ากล้าใส่ลงมาในรถที่ผลิตมาเพื่อจำหน่าย ในช่วงนั้นยังถือว่าเป็นเทคโนโลยีที่ใหม่มาก เป็นรองแค่ NR750 แค่ตัวเดียวที่ใส่หัวฉีดมาให้ก่อนหน้านี้ รายละเอียดข้อมูลเกี่ยวกับรถตัวนี้ในเมืองไทยแทบไม่มีคนรู้ เพราะในยุคนั้นยังไม่มีอินเตอร์เน็ท ช่องทางเดียวที่จะอัพเดทข่าวสารจากต่างประเทศก็คือนิตยสารหัวนอกซึ่งต้องเจียดเงินเดือนอันน้อยนิดไปซื้อหามานั่งอ่านกัน จนกระทั่งอินเตอร์เน็ทเริ่มแพร่หลาย หลายสิ่งที่ไม่เคยรู้ ก็มีโอกาสได้รู้ แต่สุดท้าย ข้อมูลที่เรารู้ทั้งหมดจะไม่ตกตะกอนได้ข้อสรุปจนกว่าเราจะได้สัมผัสมันจริงๆ

RC45 คันนี้ถูกเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี ในสภาพที่พร้อมใช้งานตลอด วินาทีแรกที่เฮียสี่เปิดผ้าคลุมรถพ่วงที่บรรทุกเจ้าตัวนี้กับ NR750 ออก ให้สีแดงบนตัวรถสัมผัสแสงแดดในสนาม ทำเอาทุกคนที่อยู่ในสนามต้องหันมามองเป็นตาเดียวกัน ทั้งฝรั่งและญี่ปุ่นที่อยู่ในสนามทุกคนต้องเดินมาชมรถอย่างใกล้ๆ หลังจากที่เราเข็นมันเข้าไปจอดวอร์มเครื่องในพิท เฮียสี่ซึ่งเป็นผู้ดูแลรถทำการวอร์มเครื่องยนต์ และเช็คความเรียบร้อยของตัวรถครั้งสุดท้ายเรียบร้อยแล้ว ผมจึงได้เวลาเอารถออกจากพิทลงสู่สนามเพื่อลองสัมผัสอย่างจริงจังครั้งแรก จากรถที่เคยเห็นแต่ในรูปภาพ วันนี้ได้มีโอกาสขี่มันจริงๆ ยอมรับตามตรงครับว่า มันทำให้เราอดประหม่าไม่ได้ พร้อมๆกับนัยน์ตาที่เป็นประกายของเฮียสี่ ที่แอบยิ้มมุมปากเล็กๆ " รถคันนี้มันเกิดมาเพื่อสนาม ไม่ใช่ถนน"

ทุกอย่างบนตัวรถเดิมๆ แต่ใส่ของแต่งเพิ่มเติมเข้าไป ไม่ว่าจะเป็นท่อ ชุดไฟ พักเท้า HRC ซึ่งสามสิ่งนี้ก็ทำให้มันพร้อมที่จะเป็นรถสนามอย่างแท้จริงเพียงแค่ถอดไฟหน้า ไฟเลี้ยว และกระจกมองหลังออกเท่านั้น สิ่งที่คิดไว้ในใจก่อนการขี่ครั้งนี้ คิดไว้ว่ามันจะต้องเกียร์ชิด ต้องขยันสับเท้าเปลี่ยนเกียร์ สะบัดข้อมือกระชากรอบเพื่อลดเลี้ยวไปตามโค้งสั้นๆของสนาม BRC. แต่กลับกลายเป็นว่า ในช่วงแรกของการขี่ กลับต้องมาพะวงอยู่กับการยึดเกาะของยาง ซึ่งคุณหนึ่งได้สั่งซื้อยางใหม่ทั้งหมดเพื่อมาใส่รถให้เราลองขี่ โดยใช้ยางยี่ห้อ "ช้าง" แต่กลายเอายางปีเก่ามาขายให้ มารู้อีกทีก็ตอนลองขี่ที่รู้สึกได้เลยว่า ทั้งหน้าและท้ายรถออกอาการ "วืด" แปลกๆ จึงจอดลงไปก้มตรวจที่ยาง ก็เจอกับคำตอบที่เลข 05 นั่นเอง

ระบบรับน้ำหนัก กันสะเทือน ที่ยังไม่ได้ปรับเซ็ทอะไรเลย ส่งผลอย่างมากต่อการขับขี่ในช่วงแรก จนต้องเข้ามาปรับเซ็ทกันใหม่ จนการขี่ในช่วงท้ายๆ ที่ทุกอย่างเริ่มลงตัว จึงเริ่มที่จะสนุกกับมันได้ถนัดกว่าเดิมยิ่งขึ้น ช่วงกำลังของเกียร์ 1 ที่กว้างมากดังที่อีตาเกียร์ 7 บอกไว้หลังลงไปขี่เป็นคนแรก ผมเองก็สัมผัสได้เช่นกัน เพราะรอบสนาม BRC ใช้แค่เกียร์ 1 แค่เกียร์เดียว ในบางรอบที่ลองเปิดคันเร่งให้รอบสูงขึ้น จนเสียงรอบเริ่มอั้นแล้วงัดเกียร์สองพร้อมกับเดินคันเร่งขึ้นรอบสูง กลับกลายเป็นว่ารถไม่มีแรงกระชากลงสู่พื้น ส่วนหนึ่งก็คิดว่า รอบที่เราใช้คงยังไม่ตึงพอ แต่ก็อย่างว่าแหละครับ สนาม BRC ไม่น่าจะเหมาะกับอัตราทดเกียร์เช่นนี้ ที่มันน่าจะเหมาะกับสนามโค้งกว้างๆ ที่สามารถใช้ความเร็วสูง และเดินคันเร่งได้สุดเรือนวัดมากกว่านี้

สรีระตัวรถที่ดูอวบอ้วนกว่ารุ่นน้องของมันอย่าง NC35 ที่ผมเคยลองขี่มาก่อนหน้านี้ แต่น่าแปลกใจตรงที่สัมผัสในการขับขี่ ท่านั่ง การควบคุม แทบไม่ต่างไปจาก NC35 เลยแม้แต่น้อย เมื่อสามารถควบคุมรอบเครื่องยนต์ขึ้นถึงจุดสมดุลย์ ขนาดที่ใหญ่โตของมันกลับไม่เป็นอุปสรรคในการพับรถเลยแม้แต่น้อย การพับรถและทดลองเปลี่ยนไลน์หลังการเบรคหนักๆในโค้ง ยังทำให้เราสามารถคอนโทรลรถได้อย่างไม่มีที่ติ ซึ่งนั่นเกิดภายหลังที่เราทำการปรับเซ็ทช่วงล่างเรียบร้อยแล้ว

สัมผัสของยางที่ค่อนข้างลื่น แต่แก้ไขด้วยการปรับวิธีการขี่เสียใหม่ทำให้สามารถสนุกกับรถให้ฝันคันนี้ได้ไม่ยาก บางช่วงของการขี่ ยังคิดย้อนไปถึงสมัยที่เคยขี่ NC35 ของชุมพล และ NC30 ของอีตาเกียร์ 7 ที่ปรับเซ็ทจนจะกลายเป็น NC35 ในสนามแห่งนี้เมื่อเกือบสิบปีที่แล้วเลยทีเดียว สิ่งเดียวที่สร้างความลำบากให้ผมสำหรับการขี่ RC45 คันนี้ก็คือ อาการอุ้งเท้าชา ซึ่งเกิดจากโพสิชั่นพักเท้าที่สูง และมีปลายขารับที่แหลมขึ้น ทำให้กดอุ้งเท้าในขณะกดเท้าจิกเพื่อเข้าโค้ง ซึ่งพักเท้าที่ดีไซน์แบบนี้ คาดว่าเป็นเพราะเป็นการบังคับให้ผู้ขับขี่ต้องพยายามเก็บปลายเท้าให้แนบชิดตัวรถตลอดเวลาที่ขับขี่นั่นเอง แต่หลังจากปรับตัวได้ ทุกอย่างก็สนุกราบรื่นไปได้ กับอีกหนึ่งในของหายาก

จากในรูปภาพที่ได้แค่เห็น แต่วันนี้มีโอกาสสัมผัสมันอย่างจริงจัง ช่วยเติมเต็มประสบการณ์อีกหน้าหนึ่งของชีวิตของผม ซึ่งต้องขอบคุณคุณหนึ่ง ทายาทเจ้าของรถ และเฮียสี่พร้อมผู้ช่วย ที่คอยอำนวยความสะดวกให้อย่างดีครับผม

Rider 11 's comment !!!

ครั้งแรกที่ได้เห็นเจ้า RC45 ตัวเป็นๆ ตอนที่พี่สี่เอารถมาจอดที่สนามเพื่อทำการทดสอบ รู้สึกแอบตื่นเต้นเล็กๆ เพราะไอ้เจ้านี่เป็น 1 ในตำนานที่คนเล่นรถมอเตอร์ไซค์ใหญ่รุ่นเดียวกับผมต้องรู้จักมัน (โดยเฉพาะคนที่ชอบรถสปอร์ต) และทำให้นึกถึงหนังสือมอเตอร์ไซค์เคิล ร้านมอเตอร์ไซค์ที่เคยไปสุมหัวรวมกัน เพื่อนเก่าๆ ที่เคยขี่เที่ยวด้วยกัน รถ RVF400 ตัวแสบของผมรวมไปถึงที่มาของเลข 11 ที่ผมชอบใช้ ครั้งแรกที่เห็นเบอร์นี่แล้วชอบก็เพราะมันแปะอยู่บนรถรุ่นนี้ สีนี้ ในการแข่งขัน Endurance รายการ ซูซูก้า 8 ชม. ที่ประเทศญี่ปุ่น รถแข่งมีไฟหน้าข้างเดียวเวลายกคันเร่งเข้าโค้งแล้วมีลูกไฟออกจากปลายท่อ โอ้ว... โคตรเท่ห์เลย! (อีกเหตุผลที่ชอบเบอร์นี้และน้อยคนที่รู้ก็คือ... เพราะ

 
 

มันเป็นเบอร์ที่ตัดง่ายและไม่เปลืองสติ๊กเกอร์!!!)

พอได้ลองขี่รอบแรกค่อยๆ ย่องๆ เพราะยังไม่คุ้นรถ แต่ความรู้สึกที่ได้คือทำไมรถมันเข้าโค้งแล้วไถลหว่า ทั้งสไลด์ ทั้งยวบยาบ ขี่ไปปรับโช้คไป โช้คหน้าก็แล้วโช้คหลังก็แล้ว ก็ยังไม่เป็นที่พอใจจนในที่สุดก็อย่างที่นาย Banana ว่า ก้มไปดูยาง โอ้โห ปี 2005 มิน่าหล่ะทำไมรถมันไม่ให้ความร่วมมือเลย คอยจะพาไปกินหญ้าตลอด (ตรูกินข้าวมาแล้วเฟ้ย) พี่สี่บอกว่ายางเนี่ยเพิ่งเปลี่ยนมาใหม่ เฮ้อ... ใหม่เราแต่เก่าเก็บที่ร้าน ปกติผมก็ไม่ค่อยมั่นใจกับยี่ห้อพี่ช้างนี่อยู่แล้ว เจอแบบนี้เลยเสื่อมศรัทธาทั้งยางทั้งร้านที่ขาย เอ้าไม่เป็นไรเพื่อพี่น้องที่รออ่านคอลัมน์อยู่ สู้ต่อไปไอ้มดแดง ขี่มันเท่าที่ขี่ได้นี่หล่ะวะ

ฟิลลิ่งท่านั่ง
ก้มหมอบตามสไตล์รถสปอร์ต แต่ยังถือว่านั่งสบายไม่ก้มมากซึ่งเป็นจุดขายของรถสปอร์ตค่ายนี้คือขี่ง่าย, ไม่ต้องปรับตัวเยอะ ชอบตรงพักเท้าแต่งที่ยกสูงขึ้นทำให้อยู่ในตำแหน่งที่กระชับพร้อมสำหรับการขยับตัวถ่ายน้ำหนักเพื่อพลิกรถเข้าโค้งตลอดเวลา ท่านั่งโดยรวมคล้ายกับตัว RVF400 มากๆ (จริงๆ ตัว 400 ทำออกมาเหมือนมันต่างหาก) ระยะเหยียดแขนที่เอื้อมไปจับและองศาของแฮนเดิ้ลบาร์ใกล้เคียงกันมาก เพียงแต่บริเวณถังน้ำมันอวบกว่าเล็กน้อยเท่านั้น เมื่อขึ้นไปนั่งคร่อมแล้วจับรถโยกซ้ายขวาไม่รู้สึกถึงน้ำหนักตัวที่แตกต่าง จนแม้กระทั่งลงไปขี่สนามแล้วก็ไม่รู้สึกว่าต้องออกแรงในการเลี้ยวมากกว่าตัว 400 ซักเท่าไหร่ ก่อนออกตัวไปเทสต์จริงๆจังๆ ลองเบิ้ลรอบเพื่อทำความรู้จักซึ่งกันและกันซะหน่อย ว้าว! จี๊ดจ้าดใช้ได้ทีเดียว รอบตวัดขึ้นอย่างรวดเร็วในองศาการบิดข้อมือเพียงเล็กน้อย งั้นไม่รอช้า ลงไปลองกันเลยละกัน

กำลังเครื่อง
ต้องใช้รอบตามสไตล์เครื่องสูบวี ฉะนั้นต่ำกว่า 6,000 รตน.ไม่ต้องคุยกัน ความรู้สึกพุ่งหรือกระโดดแบบรถสูบเรียงมีน้อย แต่ถ้าสามารถรักษารอบการทำงานที่เหมาะสมได้จะถือว่าเป็นรถที่ขี่สนุกทีเดียวเพราะที่รอบสูงๆ กำลังมีมาให้เล่นกันแบบต่อเนื่อง, รอบมาเร็วและสั่งได้ตลอด เสียดายที่ยางไม่เป็นใจเลยไม่กล้าบวกเท่าไหร่เกรงใจเจ้าของรถที่นั่งดูอย่างข้างสนาม ลองเล่นที่จุดอื่นดูบ้าง โดยยกคันเร่งลึกๆ ไหลเข้าโค้ง เจ้านี่ทำได้น่าประทับใจมาก ด้วยความที่เป็นเครื่องยนต์ที่มีเอนจิ้นเบรกน้อย ทำให้สามารถไหลเข้าโค้งได้เร็ว บวกกับมีเบรกที่ไว้ใจได้เผื่อไว้ในกรณี “เกิน” ทำให้การขี่สไตล์ไหลเข้าจะเหมาะกับเจ้านี่มากที่เดียว การทดสอบในวันนี้เลยใช้เกียร์ 1 ในการเข้าโค้งซะเป็นส่วนใหญ่ จะมีเกียร์ 2 บ้างก็ช่วงทางตรง

ระบบเบรก
ในสนาม BRC ที่ค่อนข้างสั้นทำให้ไม่สามารถลองเบรกที่ความเร็วสูงได้ แต่เท่าที่ได้ลองเบรกของฮอนด้ามาหลายตัว ผมมั่นใจเบรกของค่ายนี้อยู่แล้วเพราะให้ประสิทธิภาพการเบรกที่ดีทุกย่านความเร็วและให้ความนุ่มนวลมากด้วย นั่นไม่เว้นแม้แต่กับบน RC45 คันนี้ เทียบกับรถโมเดลที่ใหม่กว่าอย่าง CBR 929, 954 หรือ CBR1000 ประสิทธิภาพและการคอนโทรลน้ำหนักในการเบรกถือว่าไม่น้อยหน้าทีเดียว

ช่วงล่าง
กันสะเทือนหน้าของเจ้านี่ปรับได้ทุกจุดอยู่แล้วบวกกับกันสะเทือนหลังที่เปลี่ยนไปใช้บริการของ Ohlins จึงปรับได้ทุกจุดเช่นกัน หลังจากปรับให้เหมาะกับสนามแล้วก็ทำงานได้อย่างน่าประทับใจ (ถึงแม้จะสไลด์บ้างเพราะยางก็เถอะ) รถสามารถพลิกพริ้วได้คล่องแคล่ว, ว่องไว ไม่แพ้รถ 400 ซีซี เลยทีเดียว คาดว่าถ้าได้ยางดีๆ ซักคู่คงจะแบนกันจนพักเท้าครูดพื้นกันเลยหล่ะ

โดยรวมแล้วมันเป็นรถสปอร์ตตัวเจ็บที่ขี่ง่ายสไตล์ฮอนด้า และจะสร้างความประทับใจให้กับผู้ขี่ตั้งแต่ครั้งแรกของการขี่ในแง่ของการควบคุมและการปรับตัวเข้าหารถ แต่ในแง่ความมันส์และความรุนแรงจัดจ้านถ้าจะให้มันจี๊ดตามวัตถุประสงค์การออกแบบแต่แรกเริ่มคงยังต้องมีการประเคนของแต่งเข้าไปอีกรวมทั้งปรับแต่งสเตอร์ให้เหมาะกับสนาม และที่สำคัญที่สุด... ยางดีๆ คู่ใหม่ครับพี่น้อง อย่างไรก็ตามขอขอบพระคุณคุณหนึ่งและพี่สี่สำหรับรถที่เอื้อเฟื้อให้เราได้ทดสอบมาลงคอลัมน์สำหรับพี่ๆน้องๆ ชาวสองล้อ ขอบคุณพี่สิทธิ์ที่ทนตากแดดตัวดำให้เราได้รูปสวยๆ มาดูกันครับ

  ดูข้อมูลทางเทคนิคเพิ่มเติม ->

Page 1 :: Page 2 :: Page 3

 
Privacy & Policy Statements Advertisement About StormClub.com Contact Stormclub.com